น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะมีการปรับเงื่อนไขการใช้จ่ายโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยเปิดโอกาสให้ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถเข้าร่วมแพลตฟอร์มสั่งฟู้ดดิลิเวอรี่ออนไลน์ได้ ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.64 ซึ่งเหมือนกับกรณีร้านอาหารในโครงการคนละครึ่ง เพื่อทำให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มสั่งอาหารดิลิเวอรี่ออนไลน์ได้ด้วย

ส่วนความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง ที่ผ่านมาได้เชิญผู้ให้บริการฟู้ดดิลิเวอรี่ ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่ง กว่า 27 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือน ต.ค.นี้ สำหรับผู้ประกอบการที่พร้อมเข้าร่วมหารือได้แก่ แกร็บ โกเจ็ก ฟู้ดแพนด้า  ซึ่งถ้าหากเงินจากโครงการคนละครึ่งเฟส 3 สามารถใช้จ่ายกับการสั่งอาหารออนไลน์ได้จะช่วยให้มีการจับจ่ายมาขึ้น อีกทั้งยังสะดวก สบาย สำหรับคนที่ทำงานอยู่ที่บ้าน ร่วมถึงปัญหาเดิมที่คนไม่กล้าออกไปใช้จ่ายนอกบ้าน   

ส่วนกรณีที่ภาคเอกชนเสนอปรับเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายผ่านโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ให้สามารถซื้อสูงสุดถึง 500,000 บาทนั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังยังใช้หลักเกณฑ์เดิมอยู่ คือการใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาท จะได้รับอีวอเชอร์ มูลค่าสูงสุด 7,000 บาท โดยใช้จ่ายสูงสุดไม่เกินวันละ 10,000 บาท ซึ่งมีระยะเวลาใช้จ่ายผ่านจี วอลเล็ตบนแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อมาคำนวณสิทธิอีวอเชอร์ถึง 30 พ.ย.นี้

น.ส.กุลยา กล่าวว่า ยอดใช้จ่ายผ่านโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ล่าสุดมีการใช้จ่ายไปแล้วกว่า 1,700 ล้านบาท ส่วนโครงการคนละครึ่ง มียอดการใช้จ่ายแล้วกว่า 62,503 ล้านบาท โดยโครงการยิ่งได้ใช้ได้ ยังมีสิทธิคงเหลือเข้าร่วมโครงการอีก 929,340 สิทธิ ด้านโครงการคนละครึ่ง มีสิทธิคงเหลือเข้าร่วมโครงการ 922,271 สิทธิ  ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอให้นำโครงการช้อปดีมีคืนกลับมากระตุ้นการใช้จ่ายอีกครั้ง ส่วนจะออกมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เลยหรือไม่นั้น จะพิจารณาตามสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด อย่างไรก็ดี ช่วงไตรมาสสุดท้ายจะยังมีเม็ดเงินจากโครงการคนละครึ่ง และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่จะยังออกได้อยู่