นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า และโฆษกคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยถึงกรณีเครือซีพีได้มีการปรับโครงสร้างด้วยการโอนธุรกิจโลตัสให้แม็คโครเป็นผู้ถือหุ้นว่า เรื่องนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างภายใน ซึ่งเครือซีพีไม่จำเป็นต้องแจ้งให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าพิจารณา เพราะตามกฎหมายได้มีการยกเว้นให้ไม่ต้องแจ้ง หากเป็นการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายใน ซึ่งในกรณีการโอนกิจการครั้งนี้ บริษัททั้งหมดอยู่ในเครือซีพีจึงถือเป็นการปรับโครงสร้างภายในองค์กร

ส่วนข้อกังวลจากสังคมที่มองว่าการโอนธุรกิจครั้งนี้อาจทำให้โลตัส และแม็คโคร มีอำนาจเหนือตลาดหรือการผูกขาดธุรกิจเพิ่มขึ้น เพราะทั้ง 2 กิจการถือว่าดำเนินธุรกิจขายส่งขายปลีกใกล้เคียงกันนั้น เรื่องนี้ กขค.คงไม่เข้าไปตรวจสอบเพิ่ม เพราะก่อนหน้านี้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้มีการพิจารณาไปแล้ว และมีมติเสียงข้างมากให้การรวมธุรกิจของเครือซีพี กับเทสโก้ โลตัส สามารถทำได้ ดังนั้นจึงให้ยึดดำเนินการตามมติดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปลายปี 63 คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้มีคำวินิจฉัยและเห็นชอบให้กลุ่มซีพีสามารถควบรวมกิจการของเทสโก้โลตัสได้ โดยกรรมการเสียงข้างมากของ มีความเห็นว่า การรวมธุรกิจของซีพี กับเทสโก้ โลตัส ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ขออนุญาตรวมธุรกิจมีอำนาจตลาดเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่เป็นการผูกขาด และการรวมธุรกิจดังกล่าวมีความจำเป็นตามควรทางธุรกิจ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการส่งเสริมการประกอบธุรกิจเพิ่มมากขึ้น และอาจส่งผลให้การแข่งขันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์สำคัญอันควรมีควรได้ของผู้บริโภคส่วนรวม

อย่างไรก็ตาม ได้มีเงื่อนไขในการควบรวมกิจการ เช่น ห้ามซื้อกิจการในสถานะเดียวกันในธุรกิจค้าปลีก แต่ไม่รวมถึง ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นระยะเวลา 3 ปี รวมไปถึงจะต้องเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มาจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ของไทยในอัตราเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% เป็นระยะเวลา 5 ปี เป็นต้น