เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวานนี้บรรยากาศริมหาดวาสุกรี ตำบลตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี มีพี่น้องชาวไทยมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 20,000 คน รวมตัวสวมใส่ชุดสไตล์มลายู เพื่อแสดงพลังร่วมกันในการบ่งบอกอัตลักษณ์ของอาภรณ์นี้ จัดโดยสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันฮารีรายออีฎิ้ลฟิตริ

แม้ว่าปีที่ผ่านมา มีการร่วมกลุ่มจัดขึ้นมาแล้วนับหมื่นคนทำให้หน่วยงานวามมั่นคงกังวลว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง หลายกลุ่มต่างไม่พอใจ โดยปีนี้ทางกลุ่มผู้จัดมีเจตนารมณ์การจัดงานดังกล่าวขึ้น เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ ฟื้นฟูการแต่งกายตามวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่น เปิดโอกาสให้กลุ่มเครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ต่างๆ ได้มีพื้นที่สาธารณะในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เพื่อรณรงค์ หนุนเสริมบรรยากาศกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ พร้อมทั้งปัดไม่ให้ทางการเมืองเข้ามาส่วนเกี่ยวข้องในการหาเสียง ส่วนจะมีมือที่ 3 เข้ามาโยงไปประเด็ดเรื่องอื่นๆ นั้น ทางผู้จัดไม่ได้กังวล แต่อยากให้เข้าใจเจตนารมณ์

โดยในงานเสียงดังขึ้นตลอดงาน คำว่า “ตักบีร อัลลอฮฮุอักบัร อัลลอฮฮุอักบัร อัลลอฮฮุอักบัร” เป็นประโยคที่ทุกคนพร้อมใจกันกล่าว เมื่อมีผู้นำกล่าว

นายนิติ นิเดหะ นายกเทศมนตรีเมืองตะลุบัน กล่าวว่า “เราไม่ต้องการสร้างความแตกแยก แผ่นดินของเรา แผ่นดินไทยแยกไม่ได้ ไม่มีแล้วที่จะมีเสรีภาพแบบนี้ ให้อดทน ติดอาวุธทางปัญญา เป็นแบบอย่างที่ดีในอนาคต สืบทอดเจตนารมณ์ของผู้ใหญ่ เราจะเป็นผู้ชนะ หากเราเป็นผู้ตักวา (ยำเกรง)”

อานัส พงศ์ประเสริฐ ประธานกลุ่มสายบุรี ลุคเกอร์ เปิดเผยว่า “ปีนี้ในทุกกิจกรรม คือสุนทรียศาสตร์ ออกแบบให้สบายใจทุกฝ่าย ประกาศในเพจว่า ห้ามสิ่งใด มีเงื่อนไขอย่างไรวัตถุประสงค์ของงานชัดเจน ไม่ต้องมาตีความให้เป็นนิยายน้ำเน่า อุดรอยรั่วที่มีปัญหาในปีที่แล้ว ซึ่งเราถอดบทเรียนได้ว่า คือการขาดการสื่อสารเป็นประเด็นสำคัญ ทำให้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน”

“ปีนี้คนมามากกว่าปีที่แล้ว เราคาดหวังเพียงอยากสร้างพื้นที่ให้น้องๆ ได้แสดงตัวตนกิจกรรมสร้างสรรค์พบปะพูดคุยกันตกลงกัน ในฐานะของเยาวชนที่จะขับเคลื่อน ในสิ่งดีๆ ให้สังคมต่อไปเป็นพื้นที่ที่เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับทุกคน น้องๆ มากันเป็นทีม มีวินัย มีความเป็นอารยะ เป็นสันติภาพที่สวยงาม พยายามจัดการด้วยความรัดกุม มีการดูแลทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทีมงาน ด้วยเจตนาของเจตนาที่ดีของเรา หากมีมือที่สามก็ไม่รู้ว่าจะนิยามคนเหล่านั้นว่าอย่างไร เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ คือลูกหลานของคนที่นี่ คืออนาคตของพื้นที่ ไม่อยากให้กลุ่มใดเข้ามาฉวยโอกาสในพื้นที่นี้ ผู้ใหญ่ควรเป็นกำลังสนับสนุนและชื่นชม”