จากแรงบันดาลใจของตำรับอาหารไทยโบราณ สืบทอดมาตั้งแต่ ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี ถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงเวลาที่อาณาจักรสยามเพิ่งเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมใหม่จากค้าขายกับต่างประเทศ เข้ามาหลอมรวมกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิม ห้องอาหารไทย เบญจรงค์ พร้อมสร้างมื้อไฟน์ไดนิ่งที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของเครื่องแกง น้ำพริก น้ำปรุง ยำรสเด็ด และของหวานเย็นชื่นใจ ในบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นส่วนตัวในเรือนอาคารโบราณเกือบร้อยปี ณ บ้านดุสิตธานี บนถนนศาลาแดง

เชฟปุ้ม-สุกัญญา งามศรีขำ

“อาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติอันเข้มข้น และความหอมของเครื่องเทศสมุนไพรอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ทันตระหนักว่า นี่เป็นอิทธิพลของการผสมผสานความหลากหลายในหลากวัฒนธรรมที่หลอมรวมพร้อมกับอารยธรรมไทยมานานหลายร้อยปี” เชฟปุ๋ม-สุกัญญา งามศรีขำ หัวหน้าทีมครัวของห้องอาหาร เบญจรงค์ กล่าว

ฉะนั้น สิ่งที่เชฟปุ๋มและทีมเชฟต้องการนำเสนอในเมนูใหม่ คือ รากเหง้าทางวัฒนธรรมในอาหารไทย ซึ่งสามารถสืบค้นย้อนกลับไป จากตำรับต้นตระกูลเก่าๆ ในดินแดนด้ามขวานทองของการเข้าครัว ในยุคสมัยที่เราเรียกตัวเองว่า “ชาวสยาม” เราปรุงอาหารทุกจานตามขั้นตอน และเทคนิคโบราณอันซับซ้อน เพื่อแสดงออกถึงการเคารพต้นฉบับอาหารไทยอันทรงคุณค่า และนำมาเสนอผ่านมุมมองของความร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน

ชุดเมนูใหม่ที่ห้องอาหารเบญจรงค์ มีให้เลือกสรรกว่า 32 เมนู อาทิ มังคุดยำมะพร้าวคั่ว ผลไม้ประจำฤดูร้อน นำมาผสมกับน้ำยำรสชาติกลมกล่อม เป็นจานเรียกความสดชื่น เปิดประสาทสัมผัสกับรับรส แกงพริกสดปูม้า ปรุงด้วยเครื่องแกงคล้ายแกงไตปลา หน่อไม้น้ำ และเนื้อปูก้อน จัดจ้านแบบอาหารใต้

แกงแขกขาเป็ดและผลไม้แห้ง ทำจากเครื่องแกงและผงมาซาลาแบบโฮมเมด ผลไม้แห้ง หอมเจียว และกระเทียม เนื้อกวางสะเต๊ะลือ ที่หมักเครื่องเทศที่แทรกไปทุกอณูของเนื้อ แล้วนำไปย่างเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มถั่ว และอาจาด ที่ได้ชื่อว่าอร่อยลือลั่นไปทั่วพระนคร

ไข่สามเขย ซึ่งประกอบด้วยไข่ 3 ชนิดคือ ไข่นกกระทา ไข่เป็ด และไข่ไก่, น้ำพริกกุ้งย่างสายบัว ที่ใช้เนื้อกุ้งสดและปลาแห้ง โขลกกับเคยชั้นดี ตัดรสฝาดด้วยสายบัวซอยหั่น เข้าคู่กับไข่เป็ดต้มและกากหมูทอด

แกงจืดหมูสามชั้น และปลาหมึกพริกไทยอ่อน ที่เชฟต้มน้ำซุปจากกระดูกสะโพกหมูอบกว่า 10 ชั่วโมง จนงวดกลมกล่อมเข้าคู่กับหมูสามชั้นสไลซ์บางเฉียบ และปลาหมึกอ่อนที่ผ่านการปรุงด้วยพริกไทยอ่อนและนึ่งจนนุ่มละลายในปาก เป็นต้น หรือจะเป็น ต้มยำขแมร์ (ทำจากน้ำสต๊อกกุ้งเผา แตงกวา ปลาแห้ง และมะม่วงดิบ) ไปจนถึงความซับซ้อนของรสชาติเครื่องแกงอันเข้มข้นในเมนู

สำหรับเมนูขนมหวาน นำเสนอ พุดดิ้งมะพร้าว เสิร์ฟพร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อนโรย ปิดท้ายมื้ออาหารอย่างอิ่มเอม  หรือจะเลือกความสดชื่นด้วย ส้มฉุน ที่ใช้ลิ้นจี่และผลไม้ต่างๆ ตามฤดูกาลมาทำเป็นของหวานลอยแก้วดับร้อน “ทุกอย่างคือความสมดุล วิธีกินอาหารไทยที่เราอยากแนะนำ คือ การเลือกเมนูที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ซุป แกง ยำ ของทอด น้ำพริก กินร่วมกับข้าวหอมมะลิออร์แกนิกที่รับตรงมาจากกลุ่มชาวนาเกษตรอินทรีย์จากทุ่งกุลาร้องไห้ ช่วยส่งเสริมและตัดรสชาติกันและกันอย่างลงตัว ซึ่งจะทำให้กลายเป็นอีกมื้ออันน่าจดจำ” เชฟปุ๋ม กล่าวทิ้งท้าย.

‘ช้องมาศ’