นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า กรมฯ มีคำสั่งปรับปรุงมาตรการการให้บริการทั้งในส่วนของการให้บริการรถโดยสารสาธารณะและการขนส่งสินค้า ให้สอดคล้องกับตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) กำหนดและสอดคล้องตามสถานการณ์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.64 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยให้ผู้ประกอบการขนส่งปฏิบัติ ดังนี้
การให้บริการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ผ่อนคลายให้สามารถจัดบริการเดินรถข้ามเขตจังหวัดและออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดไปยังพื้นที่อื่นได้ และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ไม่เกินร้อยละ 75 ของจำนวนที่นั่งและที่ยืน สำหรับการให้บริการรถโดยสารประจำทางในพื้นที่กรุงเทพฯ และเส้นทางระหว่างจังหวัดที่มีต้นทางหรือปลายทางกรุงเทพฯ (หมวด 1 ในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง หมวด 4 กรุงเทพฯ หมวด 2 หมวด 3) และรถโดยสารไม่ประจำทางที่มีท้องที่ทำการขนส่งทั่วราชอาณาจักร ยังคงงดให้บริการตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องเป็นอย่างน้อย 14 วัน (จนถึงวันที่ 14 ก.ย.64)
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า ส่วนการให้บริการรถโดยสารประจำทางในเส้นทางหมวด 1 หมวด 4 และรถโดยสารไม่ประจำทาง ในเขตจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพฯ ให้เป็นไปตามคำสั่งคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด โดยการให้บริการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทยังต้องดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคอย่างเคร่งครัด อาทิ ต้องมีมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง และ จัดเก็บข้อมูลของผู้โดยสารเพื่อประโยชน์ในการติดตามสอบถาม
สำหรับผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ยังคงให้งดการขนส่งสินค้า ระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องเป็นอย่างน้อย 14 วัน (จนถึงวันที่ 14 ก.ย.64) เว้นแต่บุคคลที่มีความจำเป็นในการขนส่งสินค้า เพื่อประโยชนประชาชน ได้แก่ ผู้ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตทางการเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิง ไปรษณีย์ พัสดุภัณฑ์สิ่งพิมพ์ หรือสินค้า เพื่อการส่งออก หรือนำเข้า สามารถขนส่งสินค้าได้โดยจัดเตรียมใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวพนักงานหรือหนังสือรับรองการทำงาน และเอกสารรับรองความจำเป็นเกี่ยวกับสินค้า และการเดินทางของผู้ขนส่งสินค้า เพื่อใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด