เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 1 พรรคก้าวไกล ถูก สารวัตรทหาร (สห.) ห้ามหาเสียงในตลาดแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ว่า กรณีรองแม่ทัพภาคที่ 2 ชี้เเจงนั้น ตนมองว่าปัญหาต้องแก้ไขโดยมาตรฐานเดียวกันในตลาดที่โคราช ก่อนหน้านั้น ผู้สมัครก้าวไกลช่วงก่อนได้เบอร์ผู้สมัคร รวมถึงสมัยคณะก้าวหน้าลงท้องถิ่น เราเข้าไปหาเสียงที่ตลาดดังกล่าวได้ ไม่เห็นมีปัญหา และไม่กี่วันก่อน พรรคอื่นก็เคยไปเดิน
กองทัพจะยังไงก็ได้แต่ต้องมีมาตรฐานเดียว ไม่ใช่ห้ามอยู่พรรคเดียว พรรคก้าวไกลมีข้อเสนอว่า กองทัพควรจะประกาศพื้นอนุโลมให้หาเสียงได้ไปเลยว่า เป็นพื้นที่ไหน เช่น ตลาด หรือสวนสาธารณะที่เป็นพื้นที่ของกองทัพ ควรจะอนุญาตให้ผู้สมัครทุกพรรคเข้าไปหาเสียงได้ไปเลยดีที่สุด ไร้ปัญหาสองมาตรฐาน โดย 1.ตลาด หรือ สวนสาธารณะ ซึ่งเป็นพื้นที่กองทัพ ทางกองทัพควรจะประกาศเป็นพื้นที่อนุโลมให้ทุกพรรคหาเสียงได้ไปเลย 2.ส่วนในค่าย พรรคไหนขอ ก็ควรจะอนุญาต ไม่จำเป็นต้องอ้างว่าให้รอครบขอมาทุกพรรค ถึงจะอนุญาต การอ้างแบบนี้จะเป็นการกีดกันไม่ให้บางพรรค ที่กองทัพไม่ต้องการไม่ให้เข้าไปหาเสียงกับกำลังพล
นายชัยธวัช กล่าวถึงกรณีที่รองเเม่ทัพภาค 2 ชี้แจงว่า เข้าได้ แต่ต้องขออนุญาตก่อน ว่าในค่ายเคยขออนุญาตไปแล้วแต่กลับมีปัญหาในทางปฏิบัติทำหนังสือขออนุญาตไปก็ไม่ได้ง่าย เอาแค่ว่าก่อนหน้านี้ เช่น ตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เราเคยทำหนังสือขอเข้าไปหาเสียงกับกำลังพลในค่าย ก็ยุ่งยากมาก บางทีก็ถูกปฏิเสธ หรือทำให้ไม่สะดวก โดยอ้างว่าด้วยความเป็นกลาง ต้องรอทุกพรรคของมาถึงจะอนุญาตให้เข้า พอเราขออนุญาตไปก็มีแทคติกที่ปฏิเสธ หรือเตะถ่วงอ้างเหตุผลต่างๆ นานา แต่ต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกที่ของทหารที่เราเข้าไม่ได้ มีหลายที่ที่เราได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้
นายชัยธวัช กล่าวถึงกรณีผลสำรวจผลโพลต่างๆ ช่วงโค้งแรกของการเลือกตั้ง ใกล้เคียงกับโพลที่พรรคก้าวไกลทำอยู่ มากแค่ไหน ว่า โพลจะเเม่นหรือใกล้เคียงคือโพลช่วงโค้งเดือนสุดท้าย จะเป็นช่วงเวลาแท้จริงที่ประชาชนสนใจการเลือกตั้งจริงจัง แต่โพลก็แค่ตัวชี้ให้เห็นภาพรวมบางส่วน ไม่สามารถบ่งบอกคะแนนทั้งหมด ย้ำเลยว่า ของจริงจะอยู่หลังช่วงสงกรานต์ ถ้าจะถามว่าก้าวไกลเองมีการทำโพลหรือไม่ ที่ผ่านมาก่อนสงกรานต์ ก็ต้องบอกว่า เราไม่ได้ดูแต่โพลอย่างเดียวแต่ต้องใช้เครื่องมือหลายอย่าง เช่น โซเชียลมีเดีย รวมถึงต้องวิเคราะห์ ประเมินจากสนามการเมืองที่เป็นจริงด้วย ในรายละเอียดโดยเฉพาะ ส.ส.เขต ของพรรคตัวเองและคู่แข่ง
ถ้าถามว่าจนมาถึงวันนี้โดยรวมจากการประเมินจากหลายตัวชี้วัด โดยภาพรวมต้องบอกว่ายิ่งใกล้เลือกตั้งเท่าไร ยิ่งมั่นใจมากว่าเราจะประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยอนาคตใหม่แน่นอน ตอนอนาคตใหม่ได้ 81 ที่นั่ง กระแสดีขึ้นเรื่อยเรื่อยอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคิดว่ามันจะดีขึ้นไปเรื่อยเรื่อยจนถึงช่วงโค้งสุดท้าย สิ่งที่ต่างกันคือเราจะได้ ส.ส.เขตเยอะกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ
เมื่อถามลงลึกในรายละเอียดว่าการสำรวจโพลของก้าวไกลรวมถึงตัวชี้วัดต่างๆของก้าวไกลที่ใช้วัดผล ในช่วงโค้งแรก ก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา ตัวเลข ส.ส.ได้กี่เก้าอี้ ทั้งหมดภาพรวมจากตัวชี้วัดเป็นอย่างไร นายชัยธวัช ตอบว่า จากตัวชี้วัดทั้งหมดเรามั่นใจแล้วว่าเราเกิน 81 แน่นอน นี่คือขั้นต่ำคือเกิน 81 ยังมั่นใจว่า ส.ส.เขต จะครบทุกภาค ส่วนจะไปถึง 100 ที่นั่งหรือไม่คิดว่ามีโอกาส โดยตอนนี้เขตที่เราคิดว่ามีโอกาสชนะทั่วประเทศมีประมาณ 150 เขต ขึ้นอยู่กับโค้งสุดท้ายสามสุวรรณเรา จะทำได้ดีแค่ไหน
เมื่อถามว่าที่ภาคใต้ มีโอกาสชนะจังหวัดไหนบ้างนายชัยธวัชตอบว่า ความจริงตัวไม่อยากพูดเรื่องตัวจังหวัด เพราะผู้สมัครเราทุกคนเข้มข้นและก็สู้เต็มที่ทั้งหมดทุกเขต เอาเป็นยืนยันว่าก้าวไกล จะได้ ส.ส.เขตในภาคใต้ทั้งในเขตฝั่งอันดามัน ฝั่งอ่าวไทย และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ อย่างน้อยอย่างละ 1 เก้าอี้ แน่นอน ส่วนภาคเหนือ ตอนบนเราน่าจะชนะ อย่างก้าวกระโดดเพราะกระแสเราดีมาก ส่วนภาคเหนือตอนล่าง มีกระจัดกระจายมีโอกาสในหลายจังหวัด ปัจจัยสำคัญที่สุดจริงๆ ทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน คล้ายกันคือผลงานของเรา โดดเด่น แตกต่าง ตรงไปตรงมา คุ้มภาษี ต่างจากนักการเมืองแบบเดิมๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ชาวบ้านสนับหนุนก้าวไกลแบบเขต ชนะได้แบบก้าวกระโดดทั้งเหนือ และอีสาน ทั้งนี้ พื้นที่ที่เราจะได้ ส.ส.ค่อนข้างเข้มข้น คือ กทม.-ปริมณฑล เหนือ อีสาน และภาคตะวันออก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ตั้งเป้าไว้ที่เรามีโอกาสได้ถึง 25 เสียง คือ นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปทุมธานี เป็นต้น ส่วนในภาคกลางมีอยู่แต่ว่าอาจจะยังไม่แข็งแรงเท่าภาคอื่น แต่เราก็หวังไว้อยู่หลายจังหวัดคิดว่ามีโอกาส
ขณะที่ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงประเด็นการกีดกันไม่ให้ผู้สมัครพรรคก้าวไกลเข้าไปหาเสียงภายในเขตทหาร ว่า ข้ออ้างของเขาคือ ถ้ามีพรรคเดียวมาขอ อาจจะทำให้เป็นการได้เปรียบเสียเปรียบ เขายืนยันว่าไม่ได้ ถ้าไม่มีพรรคอื่นมาด้วยก็ไม่ให้ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาของแต่ละหน่วย แต่ไม่เป็นไร เข้าข้างในไม่ได้ ที่ผ่านมาเราก็ปรับใช้วิธีการหาเสียงหน้าค่ายทหารไปเลย เพราะเราปฏิรูปเพื่อสร้างสวัสดิการที่ดีให้ทหารทุกเหล่าทัพ ตั้งแต่นายสิบไปยันนายร้อย ต้องยกเลิกประเพณีนิยมการใช้อำนาจ เรื่องโซตัส การลงโทษที่มากเกินไปเราไม่ได้ปฏิรูปเพื่อให้กองทัพอ่อนแอแต่เราปฏิรูปเพื่อคืนสวัสดิการทำให้กองทัพเล็ก แต่ทันสมัย เรื่องนี้ส่งสัญญาณไปยัง ผบ.พัน เรื่องการขออนุญาต
ทั้งนี้ ข้าราชการทหาร ตำรวจ ได้รับข่าวสารว่าเราไปเป็นปฏิปักษ์กับกองทัพ สถาบัน หรือข้าราชการ เราอยากขอโอกาสให้ได้ฟังเราอย่าฟังความข้างเดียวหรือฟังความจากกรุ๊ปไลน์ หรือหนังสือราชการที่เตือนให้ระวังเรา แต่เราทำเพื่อพี่น้องข้าราชการ ให้ข้าราชการทำงานได้ดีขึ้นใช้งบอย่างคุ้มค่าและสวัสดิการที่ต้องดีขึ้นด้วย