ออกมาเปิดใจครั้งแรก สำหรับ เฮงเฮง เชิญยิ้ม ทายาทตลกชื่อดังผู้ล่วง โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม หลังถูกตำรวจบุกรวบข้อหา ชวนเล่นพนันออนไลน์ ผ่านรายการคุยแซ่บshow แบบจัดเต็ม

เฮงเฮง เผยว่า “ต้องขอโทษพี่ๆ สื่อมวลชนทุกคนที่โทรฯ หารับสายใครไม่ได้เลย เพราะว่ามือถือถูกยึดไป เขาตีเป็นของกลางว่าเจอผมที่นั่น เลยไม่สามารถรับสายใครได้ ไม่ได้หนีใครนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมหนี ไม่รับสาย ไม่สัมภาษณ์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลักๆ ก็คือได้รับการติดต่อจากทีมโปรดักชั่นหนึ่งทำรายการยูทูบ เขาเห็นผมเป็นตลก เป็นพิธีกรชิมอาหารอยู่แล้วทางทีวี เขาบอกว่าเขามีคอนเทนต์หนึ่งอยากให้พี่เฮงเฮงมาเป็นพิธีกร เป็นรายการยูทูบ เป็นรายการที่จะรับสาวสวย พริตตี้เนี่ยไปทานข้าว แต่พอรับพริตตี้เสร็จแล้วเล่นเกมกันนิดหน่อย ถ้าชนะเดี๋ยวพาไปกินร้านหรู แต่ถ้าแพ้จะพาไปกินร้านสตีทฟู้ดข้างทาง เราก็เห็นว่าคอนเทนต์ดี เราอยากทำ ก็เลยรับปากทำไป พอทำปุ๊บ ถ่ายเสร็จก็รับเงินกลับบ้าน อย่างที่บอกเล่นเกมกันเฉยๆ พอทานข้าวเสร็จ รับเงินกลับบ้าน ไม่มีชวนเล่นพนันออนไลน์ ไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย ตอนตำรวจไปรวบไม่ได้ตกใจมาก แต่ว่างงตำรวจเขามาทำอะไรกัน ขอแก้ข่าวนิดหนึ่ง เขาพาดหัวข่าวแรงพอสมควรว่า บุกจับคาอาศรมฤาษีเณร ต้องบอกว่าอาศรมฤาษีเฌรไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม คือผมไปช่วยงานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อแล้ว พอคุณพ่อไม่อยู่แล้วก็ไปช่วยงานแทนคุณพ่อ จังหวะว่าเขามีบ้านพักให้ เวลาพักเที่ยงก็จะลงมากินข้าวที่ห้องนี้ ห้องส่วนตัว บังเอิญเขาไปเจอผมที่นี่พอดี แต่เขาใช้คำแรงไปหน่อย ไม่ใช่อะไร ท่านฤาษีเณรเป็นผู้มีพระคุณกับเรา คอยดูแลหลังจากที่พ่อไม่อยู่ ดูแลครอบครัวเรา กลายเป็นว่าอาศรมฤาษีเณรเขาเสียไปด้วย มันไม่เกี่ยวอะไรกันเลย”

“จากเขาแจ้งจากพี่ตำรวจที่มา ไม่มีการไปล็อกตัวหรือว่าใส่กุญแจมือใดๆ เลย พูดดี เขาบอกว่าได้ตรวจเช็กทางยูทูบว่ามีรายการหนึ่งที่น้องออกหน้า แล้วมีไลน์แอด พูดง่ายๆ เขาน่าจะเชื่อว่าผมเป็นเจ้าของเว็บเองเลย เป็นเจ้าของช่อง เป็นคนทำทั้งหมด ซึ่งผมไม่ได้รู้ขั้นตอนนี้เลย อีกอย่างที่กลัวแม่เสียใจคือหลังจากที่โอเคเรื่องคุณพ่อไปแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าพ่อก็จากไปแล้ว ลูกจะมาทำเรื่องอีก กลัวเขาจะเครียด ก็พยายามขอพี่ๆ ตำรวจ ก็บอกไม่ได้เกี่ยวกับคุณแม่ มีอะไรคุยกับผมเลย ผมก็บอกคุณแม่ไปตรงๆ ครับ ว่าไปถ่ายรายการมา แบบนี้ๆ แม่ก็บอกว่าถือว่าเป็นบทเรียนไปก็แล้วกันนะลูก บอกตรงๆ ไปถ่ายไม่คุ้มกับที่มือถือโดนยึดไปเลย มือถือเขาไม่คืนครับ ขั้นตอนล่าสุดจบแล้ว เขาอธิบายว่าน้องรู้ตัวใช่ไหม ตอนแรกที่ถูกจับ เขาเห็นคอมพิวเตอร์ที่บ้าน เขาคิดว่าผมเป็นเจ้าของเว็บ รื้อคอมพิวเตอร์ ดูข้อมูลทั้งหมด สรุปไม่มีอะไร มีแต่เกม เขาตรวจแล้ว โอเคถือว่าไม่มีอะไร ส่วนมือถือก็ถือว่าไม่มีอะไร แต่ปัญหาคือน้องซวยนะ เพราะคลิปมันลงยูทูบไปแล้ว หน้าน้องมันออก ถูกตีว่าเป็นข้อหาโฆษณาเชิญชวนให้คนเล่นพนันออนไลน์”

เฮงเฮง เล่าต่อว่า “ผมก็ถามว่ามันร้ายแรงมากไหม มันต้องทำอะไรยังไงบ้าง ถ้าน้องมีเงินประกันตัวก็ประกันตัวออกไป ก็ประกันตัวออกมาเมื่อวันจันทร์ ที่ 3 ที่ชี้แจงแล้วเสียเงินประกันตัวคือมันจำนนด้วยหลักฐาน หน้าผมมันออกในช่องนั้นไปแล้ว มันมีไลน์แอดไปแล้ว มันเลยพูดอะไรไม่ได้ ผมเลยถาม โอเคผมทำตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ขัดขวางอะไรให้ข้อมูลเต็มที่ ผมเลยถามว่ามันหนักไหม ไปเสียค่าปรับอะไรยังไง เขาบอกว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องซีเรียส เสียค่าปรับ เดี๋ยวขึ้นศาลนิดหน่อย ปรับไปแค่นั้นก็จบ ถือว่าปรับเป็นโฆษณาเชิญชวนเล่นพนันออนไลน์แค่นั้นเอง ก็เสียค่าปรับไปจริงๆ น่าจะ 2 พัน รับสารภาพเหลือ 1 พันบาท อย่างที่บอกเสียค่าปรับไปแล้วก็เป็นไปตามนั้น อยากให้เรื่องมันจบเร็วๆ ไม่ต้องมีปัญหาอะไร พอมันขึ้นไปแล้ว คราวนี้ถ้าจะรับงานอะไรเกี่ยวกับโซเชียลต้องระวังให้ดี อย่างที่บอก ตอนนี้ผมช่วยที่อาศรมฤาษีเณรทำงาน พูดง่ายๆ มันเป็นเหมือนมัคนายกรุ่นใหม่ ประชาสัมพันธ์ให้อาศรมมีคนมากราบไหว้ ขอพร ดูตัวเลข หลักๆ ที่อาศรมมีเลขอ่างน้ำมนต์อยู่แล้ว ที่ให้คนไปกราบไหว้แล้วไปดู ตั้งแต่รุ่นพ่อ พอมาถึงรุ่นผมเรามีสื่อ มีไอจี เฟซบุ๊ก เราก็พยายามจะช่วยบอกว่าเรามีแนวทางตัวเลขให้นะ แต่เราจะบอกว่าเป็นแนวทางตัวเลข คุณพี่จะไปทำอะไรก็แล้วแต่คุณพี่ เราให้เลข สนับสนุนรัฐบาลไทยไป”

“ถามว่ากลัวคนจะมองไหมว่า หลังเสียคุณพ่อโป๊งเหน่งไปแล้ว ลูกไม่โอเคเลย ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสีเทา คือคนพูดก็พูดได้ แต่ว่าอย่างที่บอกไป ไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะเป็นสีเทาหรือสีอะไรตอนที่เข้าไปทำ รู้อย่างเดียว พ่อเสียไปแล้ว ตอนนี้คนที่จะดูแลครอบครัว แม่และน้องคือผม อะไรที่เป็นเงินพูดตรงๆ ทำให้หมด จะน้อย จะมาก ทำไปก่อน เพราะอย่างน้อยๆ ก็ช่วยที่บ้าน คอมเมนต์แรงๆ บอกตรงๆ เพิ่งมารู้ มือถือถูกยึดไป ต้องเปิดมือถือใหม่ เพราะถูกยึดไปหมดเลย โชคดีที่ไม่ได้ดู เพิ่งมาดูตอนพี่บีบอก ผมเลยไปลองตามดู โอเคมีคนพิมพ์จริงๆ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร จะให้ผมยิ้มระรื่นหรือรับว่าผมทำมันก็ไม่ใช่ ก็ต้องบอกความจริงแล้วขอโทษ วันนั้นที่เป็นภาพผมหลุดออกไป ยกมือขอโทษ คือขอโทษลุงเป็ด ขอโทษลุงโน้ต ที่ทำให้ตระกูลเชิญยิ้มเสื่อมเสียอีกแล้ว เพราะเวลาเขาพาดหัว เขาต้องพูดถึงตระกูลเชิญยิ้มอยู่แล้ว ผมเลยขอโทษลุงเป็ด ฤาษีเณรที่ทำงานอยู่กับเขาแล้วทำให้เขาเสียด้วย แล้วมันต้องจบที่ว่าต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้คนอาจจะเข้าใจผิด หรือเข้าใจผมหรือเปล่าไม่รู้ แต่ว่าก็ขอโทษไปแล้ว เราไม่รู้จริงๆ เราไม่รู้จะทำยังไง ก็พยายามให้มันจบเร็วที่สุด บทเรียนจากเรื่องนี้คือรับงานหรือคุยงานต้องละเอียดกว่านี้ อย่างที่บอกไป พอพ่อไม่อยู่ อะไรที่ติดต่อเข้ามาให้เราทำ เราก็ทำให้เต็มที่ อะไรที่เข้ามา ก็ต้องรีบคว้าไว้ก่อน”