หากใครมีโอกาสเดินทางมายังนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม แล้วจู่ๆ นึกอยากกินอาหารไทยขึ้นมาดื้อๆ เสียอย่างนั้น ก็ไม่ต้องกลัวโดนค่อนขอดเพราะตอนนี้มีร้านอาหารไทยอร่อยๆ ที่อยากแนะนำให้รู้จัก นั่นก็คือ “ร้านผัดไทย” ของสองนักธุรกิจหนุ่มที่ชวนกันมาลงขันทำงานอดิเรกด้วยใจรักอย่าง หนุ่ม-สันติ สงวนสัตย์ และ เสกข์-สุรเสกข์ จารุพิศาลเลิศ ซึ่งฝ่ายหลังรับหน้าที่เป็นเชฟใหญ่รังสรรค์พลัง “ซอฟต์พาวเวอร์” ผ่านอาหาร แจ้งพิกัดความอร่อยที่สาขา Binh Thanh อยู่ติดกับเขต 3

เสกข์-สุรเสกข์ จารุพิศาลเลิศ และ หนุ่ม-สันติ สงวนสัตย์

ก่อนจะได้ลิ้มลองผัดไทยในต่างแดน คุณหนุ่มบอกเล่าเก้าสิบให้ฟังว่า ตัวเองทำงานบริษัทเอกชนที่มาลงทุนอยู่ในประเทศเวียดนาม อยู่มาหลายปี จนสื่อสารภาษาเวียดนามได้คล่องปาก นอกจากนี้ยังร่วมกับเพื่อนสนิท เสกข์-สุรเสกข์ จารุพิศาลเลิศ ทำธุรกิจส่งออกกล้วยไม้หลายประเทศทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป รวมถึงเวียดนามด้วย เนื่องจากตลาดกล้วยไม้ในอนาคตมีแนวโน้มจะซบเซา จึงหาลู่ทางเปิดร้านอาหารแทน เพราะคุณเสกข์ มีความสามารถทางด้านการทำอาหาร

“พอเราสองคนสรุปกันแล้วจึงมาปรึกษาหารือกับ คุณอุรีรัชต์ เจริญโต กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ สมัยที่ท่านเคยดำรงตำแหน่งอยู่ที่นี่ โดยได้รับคำแนะนำว่า ปกติร้านอาหารไทยตามแต่ละประเทศ มักจะเป็นอะลาคาร์ท และราคาค่อนข้างสูง คือคนระดับฐานรากอาจเอื้อมไม่ถึง ทำไมไม่ลองทำคอนเซปต์ที่เป็น “Single Dish” อาหารจานด่วน ราคาเข้าถึงง่าย เพื่ออาหารไทยจะได้กระจายไปในหมู่คนต่างชาติ” คุณหนุ่มเล่า

ไอเดียดังกล่าวโดนตอกย้ำสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้น เมื่อสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ จัดโครงการ “แซบเว่อร์” หนึ่งในกิจกรรมที่ทำให้ชาวเวียดนามมมาลิ้มรสอาหารไทยอย่างลึกซึ้ง คุณหนุ่มและคุณเสกข์ ได้มาชิมลางด้วยการออกร้านทำเมนูผัดไทย ปรากฏว่าขายดีจนหมดเกลี้ยง หลังจากนั้นจึงมาปลุกปั้นร้านและเปิดเต็มรูปแบบ เมื่อปี 2562 จังหวะเผชิญกับอุปสรรคใหญ่กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่กัดฟันสู้เน้นขายผ่านดิลิเวอรี่ พอสถานการณ์คลี่คลายก็กลับมาเปิดเต็มสูบทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30-21.00 น. ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ Binh Thanh, ในห้าง GIGA Mall และถนนสาย 13

ร้านผัดไทย ชื่อตรงตัวกับอาหารจานเลื่องชื่อ ถูกตกแต่งเรียบง่ายด้วยโทนสีเหลืองแดงกระตุ้มต่อมอยากอาหาร ขณะที่ผนังติดภาพอาหารไทย โดยได้รับการสนับสนุนจาก ททท.จัดส่งภาพที่ใช้ปรโมตการท่องเที่ยวอยู่แล้ว มาประดับสร้างสีสันภายในร้าน สำหรับเมนูที่โดดเด่นแน่นอนว่าก็คือ “ผัดไทย” โดยคุณหนุ่มเล่าว่า “คนเวียดนามชอบผัดไทยมาก เข้ามา 10 คน สั่ง 8 คน นอกนั้นมักสั่งไก่สะเต๊ะ ผัดซีอิ๊ว แกงเขียวหวานไก่ และอีกจานที่ไม่คิดว่าคนเวียดนามจะชอบก็คือ ไข่ลูกเขย”

คุณหนุ่มมองว่า ส่วนหนึ่งคงเพราะเวียดนามมีวัฒนธรรมกินอาหารประเภทเส้นเหมือนกัน สำหรับเส้นก๋วยเตี๋ยวที่นี่จะมีความเหนียวนุ่มไม่แพ้เส้นจันท์ โดยเฉพาะเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ผลิตจากเมือง Tien Giang จะมีคุณภาพมาก ทางเราจึงสั่งมาปรุงเมนูผัดไทยตามสูตรลับเฉพาะของเชฟเสกข์ ซึ่งคิดค้นสูตรน้ำซอสมะขามขึ้นมาเองจากมะขามเปียก น้ำตาล น้ำตาลปี๊บ พริกแห้ง น้ำตาลทราย เป็นต้น “วัตถุดิบเน้นใช้แบบผสมผสาน จำพวกซีฟู้ดของที่นี่ถือว่าโดดเด่น ส่วนพริกแห้งเรานำเข้าจากเมืองไทย เพราะพริกแห้งที่เวียดนาม เนื่องจากสีและคุณภาพไม่ได้ พริกแห้งบ้านเรา จะเอาพริกที่มีคุณภาพดีตากแห้ง แต่ที่เวียดนามคือเหลือแล้วจึงเอามาตาก” คุณหนุ่มเผย

วิธีทำ ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ผัดเต้าหู้ กุ้งแห้ง กับไข่ไก่ 2 ฟอง คลุกเคล้าพอเข้ากัน เติมน้ำเปล่า ใส่ซอสมะขาม 2 ช้อน ผัดให้เข้ากันแล้วใส่ผักอย่างกุยช่าย ถั่วงอก และกุ้งสดที่ลวกสุก ตักเสิร์ฟในจาน จัดแต่งให้น่ากินยิ่งด้วยการแนมกับถั่วงอก ใบบัวบก พริกชี้ฟ้า มะนาว และกุยช่าย สูตรผัดไทยยังมีการดัดแปลงส่วนผสมที่หลากหลาย นอกจากใช้วุ้นเส้นแล้ว ยังนำ “หมี่ก๋า” ก็คือก๋วยเตี๋ยวเส้นปลามาทำผัดไทยเช่นกัน

ช้องมาศ : เรื่อง