ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปินสายเลือดไทย ที่ดังไกลระดับเอเชีย สำหรับ “ซันนี่ หยาง / หยางหยวินฉิง” หรือ เกวลิน บุญศรัทธา ไอดอลลุคสาวหล่อ ลูกครึ่งไทย-ไต้หวัน ที่แจ้งเกิดจากการเข้าร่วมแข่งขันใน “โปรดิวซ์ 101 ไชน่า (Produce 101 China)”  ซึ่งเจ้าตัวได้ฉายแสงโดดเด่น จนได้เดบิวต์ในนามวง “ร็อคเก็ต เกิร์ล (Rocket Girls)” ก่อน ซันนี่ จะก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยว ด้วยการเซ็นสัญญากับค่ายยักษ์ “Universal Music Greater China (UMGC)” พร้อมปล่อยอัลบั้มชุดแรก  “How’s the Weather Today?” เมื่อปี 2020 ซึ่งได้รับการตอบรับจากแฟน ๆ อย่างท่วมท้น มียอดขายสูงถึง 11.28 ล้านหยวน (ประมาณ 53 ล้านบาท) และสามารถทำยอดขายอัลบั้มนี้ได้ถึง 10 ล้านหยวน ภายในเวลาเพียง 10 วัน หลังวางขายอัลบั้ม นอกจากนี้ยังเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดในจีนเป็นอันดับที่ 8 เมื่อปี 2020 ด้วย 

ล่าสุด ซันนี่ ได้ปล่อยเพลง “By Your Side (บาย ยัวร์ ไซด์)” เวอร์ชั่นไทย เพลงสไตล์อาร์แอนด์บี ฟังสบายซึ่งถือเป็นเพลงไทยเพลงแรกของเธอ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้แฟนชาวไทยโดยเฉพาะ โดย “ฮาอึน” มีโอกาสได้พูดคุยกับ ซันนี่ แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟส่งตรงจากปักกิ่ง ประเทศจีน ถึงการทำงานเพลงครั้งนี้ และยังอัพเดทชีวิต พร้อมพูดคุยอีกหลากหลายเรื่องราว รวมไปถึงความรักที่ ซันนี่ มีต่อแฟนชาวไทย มาฝากกันแบบจัดเต็มด้วย

Q : ทำไมเลือกมอบเพลง “By Your Side” เวอร์ชั่นไทย  นี้แทนความทรงจำที่ดี ที่มีต่อแฟนชาวไทย?

ซันนี่ : ก่อนอื่นนะคะ “บาย ยัวร์ ไซด์” ถือเป็นซิงเกิ้ลแรกที่ได้ปล่อย และตอนที่ได้ฟังเดโม่ ก็รู้สึกว่าเพลงนี้มีความอบอุ่นมาก ๆ หนูคิดว่าเพลงแรกของชีวิต น่าจะมีความหมายนิดนึง ช่วงนั้นหนูออกมาจากโปรดิวซ์ 101 ไชน่า และได้เป็นสมาชิกวง “ร็อกเก็ต เกิร์ล 101  (Rocket Girls 101)”  มีแฟน ๆ คอยติดตาม คอยเป็นกำลังใจ และมีเพื่อน ๆ ทีมงานทุกคนที่คอยช่วยเหลือ หนูเลยรู้สึกอยากขอบคุณ และอยากเป็นพระอาทิตย์ของทุกคน เพราะทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ นอกจากมีผลงานให้มากขึ้น ในผลงานมีอะไรที่อยากพูดก็พูดให้ทุกคนฟัง ก็คิดว่าน่าจะเป็นเพลงที่ทุกคนฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น คนที่ชื่นชอบหนูฟังแล้วก็รู้สึกสบายใจค่ะ และที่ทำเป็นเวอร์ชั่นไทยด้วย ก็เพราะว่าเราเป็นคนไทย และมีแฟนคลับที่เป็นชาวไทย ที่ชื่นชอบและติดตามเราอยู่ด้วย”

Q : อะไรคือสิ่งที่จุดประกาย หรือเป็นขุมพลังให้ “ซันนี่” ตอนทำเพลงนี้ ในเวอร์ชั่นไทย?

ซันนี่ : แฟนคลับไทยค่ะ หนูคิดว่าเพลงนี้ออกมา ถึงไม่มีคนฟัง แต่แฟนคลับที่ไทย ก็ต้องฟังแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราฉะนั้นหนูก็อยากร้องให้คนไทยฟังรู้เรื่องค่ะ

Q : พอปล่อยเพลง “By Your Side” เวอร์ชั่นไทย ไปแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง?        

ซันนี่ : ดีใจมากค่ะ เพราะว่าหนูก็เป็นคนไทยคนนึง ที่มาทำความตามความฝันที่เมืองจีนและมีโอกาสได้ทำเพลง ก็อยากทำเป็นเวอร์ชั่นไทย ให้ทุกคนได้รู้ว่าหนูไม่ใช่ได้แค่ภาษาจีนอย่างเดียว ภาษาไทยก็ทำได้ ก็ขอบคุณทุกคนที่คอยชื่นชอบและติดตามนะคะ

Q : หลังปล่อยเพลง “By Your Side” เวอร์ชั่นไทย ออกไป #Sunnee #sunneeมีเพลงไทย  ก็ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ด้วย?

ซันนี่ : หนูติดเทรนด์ทวิตเตอร์เหรอ ดังจังเลย (หัวเราะ) หนูไม่ทราบค่ะ หนูจะรู้จากทางสื่อไทยน้อยมาก และป๋าหนูก็ไม่ค่อยคุยเรื่องพวกนี้กับหนูเท่าไหร่ ทางสื่อจีนก็จะไม่ค่อยได้เห็นพวกนี้ ฝากขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบ ดีใจมากค่ะ ไม่คิดว่าคนไทยจะชื่นชอบหนูเยอะขนาดนี้ เพราะหนูไม่ได้กลับไทยประมาณปีครึ่งแล้ว ทุกครั้งที่กลับไปก็จะมีแฟน ๆ ชาวไทยที่คอยสนับสนุน มาคอยรับส่งที่สนามบิน ขอบคุณมาก ครั้งนี้ได้ปล่อยเพลง “บาย ยัวร์ ไซด์” เวอร์ชั่นภาษาไทย ก็รู้สึกดีใจ ตั้งแต่แรกหนูก็อยากมีเพลงไทยเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีโอกาส พอได้มาทำอัลบั้ม ก็มีความคิดนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่กล้าบอกกับทางยูนิเวอร์แซลฯ เท่าไหร่ วันนั้นได้มีโอกาสคุยกับเถ้าแก่ เลยบอกว่าถ้าเป็นไปได้ หนูก็อยากมีเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทยให้แฟน ๆ ชาวไทยทุกคน ก่อนอื่นหนูก็คิดว่าหนูควรมีเพลงเวอร์ชั่นไทยบ้าง เพราะว่าหนูเป็นคนไทย ถ้าไม่มีจะเสียดายมาก ๆ ขอบคุณเถ้าแก่ที่ให้โอกาส ได้ติดเทรนด์ด้วย ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบเพลงของหนู ชื่นชอบตัวหนู ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

Q : เพลง “By Your Side” พอนำมาร้องเป็นเวอร์ชั่นไทย มีความยากหรือง่ายกว่าภาษาจีน?

ซันนี่ : เวอร์ชั่นไทยก็ไม่ได้ยากมาก เพราะมีบางท่อนร้องกับโน้ตที่ไม่ค่อยตรงกัน เช่น ไม้เอก ไม้โท ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ ตอนร้องก็อาจเปลี่ยนทำนองบ้าง แต่น้อยมากค่ะ และไม่ได้ยากในการออกเสียงจีนกับไทย เพราะไม่ได้ต่างกันเยอะมาก เพราะมีเสียงสระเหมือนกัน เพียงแต่บวกกับทำนอง เรื่องสระอาจต้องเปลี่ยนบ้าง ที่เหลือโอเค ได้ทั้งจีนและไทย ไม่มีปัญหาค่ะ

Q : คิดว่าเสน่ห์ของการร้องเพลงไทยและจีนต่างกันยังไง?

ซันนี่ : หนูว่าไม่มีความแตกต่าง เพราะไม่ว่าหนูจะร้องเพลงภาษาไหน เสียงหนูก็ยังเป็นแบบนี้ ทุกคนน่าจะชื่นชอบในเสียงของหนูมากกว่าค่ะ อีกอย่างหนูไม่ได้เรียนร้องเพลงมา เลยไม่มีกรอบ ไม่มีทฤษฎีว่าร้องเพลงจีนต้องร้องแบบไหน หรือร้องเพลงไทย ต้องออกเสียงยังไง หนูออกเสียงตามที่หนูร้อง เลยคิดว่ามันไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากค่ะ

Q : “ซันนี่” จะมีโอกาสทำเพลงไทย ที่ไม่ได้มาจากเวอร์ชั่นจีนบ้างมั้ย?

ซันนี่ : ถ้ามีโอกาสก็อยากทำเป็นอัลบั้มนึงเลย แต่ไม่รู้ว่ายูนิเวอร์แซล จะช่วยให้ความฝันเป็นจริงได้รึเปล่า (ยิ้ม) รอดูไป อาจมีโอกาสค่ะ

Q : ถ้าเพลง “By Your Side”  เวอร์ชั่นไทย ต้องฟีทเจอริ่ง ศิลปินไทย 1 คน อยากร้องกับใคร?

ซันนี่ : โบกี้ ไลอ้อน ค่ะ เพราะชอบเสียงเขา ส่วนใหญ่ถ้าหาคนที่ร่วมงานด้วย เขาต้องมีอะไรที่ดึงดูดหนูมาก ๆ หรือไม่ก็เสียงของหนูกับเขาอาจแมทช์กันมาก ถึงจะเชิญเขามาร่วมงานกับหนู และหนูว่าเสียงของหนูกับ ‘โบกี้ ไลอ้อน’ ก็น่าจะเข้ากันได้นะคะ คนนึงเสียงออกนุ่ม คนนึงเสียงออกเศร้า ๆ นิดนึง มิกซ์แอนด์แมทช์กันก็อาจเปรี้ยงปร้าง (ยิ้ม)

Q : ถ้าให้เปรียบ “By Your Side” เป็นสิ่งของข้างกาย อยากให้เป็นอะไร และสิ่งนั้นช่วยให้เรามีกำลังใจ เพราะอะไร?

ซันนี่ : อาจเป็นพระอาทิตย์ค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วตัวหนูเอง เวลาทำงานเหนื่อย มีบางครั้งที่รู้สึกไม่ไหว ไม่อยากทำแล้ว แต่พอเช้าตื่นมาเห็นพระอาทิตย์ ก็รู้สึกอบอุ่น วันนี้เป็นวันใหม่แล้ว เราต้องตั้งใจทำงานต่อไป ก็เป็นพระอาทิตย์ที่คอยส่องประกายให้หนูมีพลังทำงาน

Q : จากเนื้อเพลง “By Your Side”  เวอร์ชั่นไทย ที่ร้องว่า “แค่จับมือเธอ ฉันก็ไม่กลัวอะไร” อยากรู้ว่า “ซันนี่” เคยกลัวอะไร จนต้องยื่นมือไปจับมือคนข้าง ๆ บ้างมั้ย?

ซันนี่ : จริง ๆ หนูไม่ค่อยกลัวอะไรนะคะ ไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน หนูเป็นคนไม่กลัวอะไรเลย หนูว่าเป็นคนรอบตัวหนูมากกว่าที่จะจับมือหนู ไม่ใช่หนูจับเขา (ยิ้ม) หนูก็เป็นคนอบอุ่นดี แต่เรื่องพึ่งพิง คือหนูไม่ได้มีพลังเยอะขนาดนั้น แต่เพื่อน ๆ รอบตัวถ้ามีปัญหาอะไร หนูจะเป็นที่คอยช่วยคุย ช่วยเคลียร์ให้ หรือไม่ก็อยู่เป็นเพื่อน เวลาที่เพื่อนร้องไห้ ให้เขาร้องไห้ไป

Q : แล้วเราเคยมีโมเม้นต์ ที่ผิดหวังหรือเสียใจบ้างมั้ย?

ซันนี่ : มีค่ะ เมื่อก่อนมีเยอะค่ะ แต่มาถามหนูตอนนี้หนูลืมแล้ว เมื่อก่อนถามหนูจำได้ แต่ตอนนี้หนูรู้สึกว่าทุกวันของหนูมันโอเคมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องาน การใช้ชีวิต หนูโอเคมากตอนนี้ เลยนึกไม่ออกว่าเมื่อก่อนเคยเจออะไรมาบ้าง หนูลืมหมดแล้ว หนูจำแต่สิ่งดี ๆ ไม่จำสิ่งไม่ดีค่ะ

Q : สิ่งที่ทำให้ “ซันนี่” ได้รับหรือได้เรียนรู้มากที่สุดในการได้เข้ามาเป็นศิลปิน และทำงานในวงการคืออะไร?

ซันนี่ : อย่างแรกที่ได้เรียนรู้ก็คือการวางตัวในสังคม เพราะว่าเมื่อก่อนหนูเป็นคนขี้เล่น สนุกสนาน เฮฮา หนูเหมือนลิง  ซน แต่พอเข้ามาในวงการแล้วก็คิดว่าการซน การขี้เล่น คนอาจชื่นชอบแต่ว่าบางงานหรือบางสถานที่ หนูเป็นอย่างนี้ก็อาจทำให้ทุกคนรู้สึกรำคาญ ไม่ชอบ ด้านนิสัยหนูมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ และอาจเป็นเพราะเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย อย่างแรกคือเรื่องนิสัยดีขึ้น อย่างที่สองคือการเรียนรู้การเป็นศิลปินมากขึ้น การเป็นไอดอลต้องวางตัวยังไง ด้านผลงานหนูไม่เคยอัดเพลง ไม่เคยได้มาเรียนรู้การทำเพลง การเขียนเพลง หรือการใช้โปรแกรม ก็ได้เรียนรู้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงหรือว่าทางวาไรตี้  ได้เรียนรู้เยอะ ในทุกด้านค่ะ

Q : ในการทำงานที่ประเทศจีน การวางตัวของศิลปินที่จีนเป็นยังไง ยากแค่ไหน?

ซันนี่ : แฟนคลับชาวจีนอาจมีกรอบมากกว่า ว่าการเป็นไอดอลต้องเป็นยังไง มีลักษณะยังไง ต้องทำตัวยังไง แต่หนูคิดว่าคนที่ชื่นชอบในตัวหนู คงชื่นชอบตรงที่หนูเป็นหนู เพราะฉะนั้นบางเรื่องที่คิดว่าหนูไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ก็อาจเป็นแบบเดิม สมมุติว่ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง อย่างเมื่อก่อนไปรายการไม่ได้ใหญ่มาก หนูไม่ชอบแต่งหน้า หรือชอบใส่รองเท้าแตะ แต่พอได้มาเป็นไอดอลแล้ว เหมือนทุกคนมองในทุกมุม ไม่ใช่มองเฉพาะภายนอกหรือผลงาน หรือมองเฉพาะภายใน แต่มองรวมทุกอย่าง เราต้องเป็นคนเพอร์เฟ็ค แต่ตอนนี้หนูก็ไม่ได้เพอร์เฟ็คนะ หนูก็ยังเป็นตัวของหนูเอง ในสิ่งที่หนูควรปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น หนูก็พยายามทำให้ดีขึ้นค่ะ ต้องทำให้ดีที่สุดในทุกด้าน แต่ก็ยังอ้วนเหมือนเดิม ชอบใส่รองเท้าแตะเหมือนเดิม ยังไม่ชอบแต่งเหมือนเดิม (ยิ้ม)  แต่ว่าพอเรามาเป็นไอดอลก็รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ เราต้องดูแลตัวเองมาก ๆ ค่ะ

 Q : “ซันนี่” มีความฝันอยากเข้าสู่วงการเพลง มาตั้งแต่อายุน้อย อยากรู้ว่ามีใครเป็นไอดอล หรือเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลงานตัวเอง?

 ซันนี่ : คนเดียวเลยค่ะ แรงบันดาลใจและไอดอลของหนู ‘พี่เบิร์ด – ธงไชย แมคอินไตย์’ หนูคิดว่าตั้งแต่หนูเกิด หนูได้ฟังเพลงเขาจนโต คุณพ่อก็ชอบพี่เบิร์ดมาก ตอนหนูเด็กป๊าอยากไปดูคอนเสิร์ตพี่เบิร์ดมาก แต่ไม่มีโอกาส พอตอนนี้หนูก็ยังไม่มีโอกาสไปดูคอนเสิร์ตพี่เบิร์ด ถ้ามีโอกาสก็อยากจะรู้จักกับพี่เบิร์ดมาก ๆ เพราะหนูชื่นชอบมาก หนูได้เรียนรู้จากพี่เบิร์ดมาเยอะ พี่เบิร์ดร้องเพลงได้ เต้นได้ ถ่ายละครก็ได้ เป็นพิธีกรก็ได้ เขาเป็นคนที่เพอร์เฟ็ค และหนูก็อยากเป็นแบบเขา พี่เบิร์ดเป็นไอดอลในดวงใจของหนูค่ะ

Q : ยังมีศิลปินหรือนักแสดงไทยคนอื่น ที่ชอบอีกมั้ย?

ซันนี่ : ช่วงนี้ก็มี ‘โบกี้ไลอ้อน’ ค่ะ ชอบเสียงและเพลงของเขา ได้ฟังเสียงก็รู้ว่านี่เป็นตัวเขา ช่วงนี้ที่มีดาราที่ชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือ ‘พี่ต่อ ธนภพ’ คือหนูดูเขาตั้งแต่ “ฮอร์โมน” จริง ๆ ก็ชอบนักแสดงทุกคน แต่ชอบพิเศษคือพี่ต่อ หลังจากนั้นก็ดู “หัวใจศิลา” ก็รู้สึกว่าพี่ต่อเล่นละครเก่งมากค่ะ และหล่อมาก และมีอีกคนที่ชื่นชอบมาก ๆ คือพี่ ‘ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก’ เป็นผู้หญิงในดวงใจของหนูค่ะ (ยิ้ม)

Q : ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่ามีเวลาไหนบ้าง ที่ “ซันนี่” อยากให้คนมาอยู่ข้าง ๆ เหมือนเพลง “By Your Side”?

ซันนี่ : ตอนนี้ทุกเวลา เหงามาก (หัวเราะ) ล้อเล่นค่ะ คือถ้าเวลาไม่มีงาน ก็อยากมีคนมาดูแล และคอยอยู่เป็นเพื่อน นอกนั้นก็ไม่มีค่ะ

Q : ในฐานะที่เป็นคนไทย ไปทำงานที่จีน เหงามากมั้ย?

ซันนี่ : ตอนมาแรก ๆ ก็รู้สึกเหงา เพราะไม่มีคนรู้จักอยู่ที่นี่ แต่พออยู่ไปเรื่อย ๆ ซึ่งหนูคิดว่าหนูอัธยาศัยดีนะ คุยง่าย เข้าหาง่าย แป๊บเดียวก็มีเพื่อน เยอะแยะมากมาย แต่ว่าตอนนี้ไม่ค่อยอยากได้เพื่อนเท่าไหร่ อยากได้ครอบครัว หมายถึงคุณพ่อคุณแม่ พี่ชาย น้องชายเพราะว่าไม่ได้เจอมาเป็นปีแล้ว คิดถึงมาก หนูเป็นคนที่ติดบ้านมาก ไม่ค่อยชอบออกไปข้างนอก หรือไปเจอเพื่อน หนูมีน้องชาย 2 คน และป๊ากับม๊า ที่เป็นเหมือนเพื่อน คุยอะไรได้หมด ตอนนี้อยู่กับเพื่อนบ่อยมาก อยู่ที่ทำงาน อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ไม่ได้มีโอกาสกลับเมืองไทยไปอยู่กับป๊าม๊า เลยอยากกลับบ้านมาก ๆ ที่สุดค่ะ

Q : ส่วนใหญ่เพื่อน “ซันนี่” ที่จีน เป็นคนต่างชาติ?

ซันนี่ : ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนชาวจีน มีเพื่อนคนไทย หนูมีแชตกรุ๊ปกับน้องเนเน่ (พรนับพัน) และน้องแพม (เปมิ​กา) เมื่อวานก็ได้เพิ่มน้องนาย (กรชิต) และน้องแพทริคเข้ามา คุยกันลั่นเลย (ยิ้ม)

Q : มีอะไรเกี่ยวกับประเทศไทย ที่เพื่อนต่างชาติของ “ซันนี่” ชอบถามถึงบ่อย ๆ บ้างมั้ย?

ซันนี่ : โอโห้! เพื่อน ๆ หนูชอบคุยเรื่องทิฟฟานี่โชว์ แบบประเทศไทยมีทิฟฟานี่โชว์ที่สวยและอลังการ ทุกคนชอบเรื่องนี้ ถามกันบ่อย แต่คือเพื่อน ๆ รอบตัวหนูชอบเมืองไทยมากนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการกิน หรือสถานที่ท่องเที่ยว มีเพื่อนบางคนที่ยังไม่มีโอกาสได้มาเมืองไทย ก็นัดกับหนูว่าถ้าโควิดดีขึ้น ให้หนูพาเขาไปเที่ยว ถ้ามีโอกาสก็ว่าจะพาไปค่ะ

Q : ในฐานะที่เป็นศิลปินสัญชาติไทย ที่ดังไกลถึงต่างประเทศ อะไรที่เป็นแรงผลักดัน ให้ “ซันนี่” มาถึงวันนี้ได้ และอยากบอกอะไรกับคนที่มีส่วนซัพพอร์ทเราบ้าง?

ซันนี่ : ก่อนอื่นหนูไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาทำงาน มาตามหาความฝันตัวเองได้ไกลขนาดนี้ เพราะตั้งแต่เด็ก ๆ หนูชอบร้องเพลง และมีความฝันอย่างเดียว คืออยากเป็นนักร้อง ตอนที่หนูอายุ 15-16 คือหนูก็หาวิธีไปแข่งรายการในไทยนะคะ อย่างเอเอฟ หรือไม่ก็ เดอะ สตาร์ , มาย ไอดอล แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ร่วมแข่งขัน ไม่รู้ว่าไป ๆ มา ๆ ไปถึงไต้หวัน แล้วมาถึงปักกิ่ง หนูก็ไม่รู้ว่ามาไกลขนาดนี้ได้ยังไง พอเราหันกลับไปมองตัวเอง อาจเป็นเพราะคิดแต่ว่าอยากให้ความฝันตัวเองสำเร็จ เลยไม่ได้มองดูรอบตัวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นเรื่อย ๆ พอหันกลับไปมองก็รู้สึกขอบคุณตัวเอง ที่คอยพยายามและไม่ยอมแพ้จนถึงทุกวันนี้ ถ้ามีโอกาสหนูก็อยากกลับเมืองไทย มีผลงานที่ไทยบ้าง ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ (ยิ้ม) ส่วนคนที่ช่วยซัพพอร์ท ก็มีคำเดียวเลยคือขอบคุณมาก ๆ เพราะมีคนซัพพอร์ทขนาดนี้ ถึงมีซันนี่ทุกวันนี้ เพราะไม่มีแฟนคลับที่คอยให้กำลังใจ ที่คอยผลักดันหนู ก็อาจมาไม่ถึงจุดนี้ และขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ ที่ให้โอกาสหนูทุกอย่าง ให้หนูไปลอง ไปทำ คอยเป็นกำลังใจให้เสมอ หนูมีทุกวันนี้ได้ ก็ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นทีมงาน คนที่ชื่นชอบหนู และครอบครัว ขอบคุณมากค่ะ

Q : ตอนนั้นที่ต้องไปไต้หวัน คุณพ่อคุณแม่ว่ายังไงบ้าง?

ซันนี่ : ตอนนั้นป๊าไม่ค่อยโอเคค่ะ เพราะหนูยังเรียน ป๊าบอกว่าเรียนสำคัญกว่า ส่วนคุณแม่ก็บอกว่า ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ทำไมไม่ลองทำดู ถ้าในอนาคต ไม่มีโอกาสเดี๋ยวหนูก็ไปโทษเขาอีก คุณแม่ก็เลยไปไต้หวันเป็นเพื่อนหนู พอหลังจากนั้นก็มาปักกิ่ง หนูอยากลองใช้ชีวิตเอง อยากลองเข้าวงการเอง ลองเดินเอง คุณแม่มาอยู่กับหนูแบบนี้ ก็ไม่ได้อยู่กับป๊าเลย ป๊าก็เหงา ไม่มีคนคุยด้วย หนูเลยคิดว่าไม่อยากให้ม๊ามาเสียเวลา หนูอยากลองเสี่ยงวิ่งเอง แต่ก็ดีใจค่ะ ที่ตัวเองไม่ได้เลือกทางผิด และขอบคุณป๊าม๊าที่สนับสนุนด้วย

 Q : “ซันนี่” คิดถึงอะไรที่เมืองไทย มากที่สุด?

ซันนี่ : คิดถึงป๊ากับม๊าค่ะ เพราะหนูเป็นคนติดแม่มาก ๆ ถ้าอยู่กับแม่ ก็ติดตัวเขาได้ทั้งวันทั้งคืน พวกอาหารการกิน ไม่ค่อยเท่าไหร่ อยู่ที่เมืองจีน ก็มีร้านอาหารไทยที่กินได้ แต่ไม่มีโอกาสเจออ้อมกอดของป๊าม๊า คิดถึงที่สุดก็คงเป็นคุณพ่อคุณแม่ค่ะ หนูไม่ได้เจอมาคุณพ่อคุณแม่มาปีครึ่งแล้ว ปกติ 3 เดือนก็จะกลับไทยครั้งนึง แต่รอบนี้คือนานที่สุดแล้วค่ะ ส่วนใหญ่จะวิดีโอคอลคุย หรือไม่ก็โทรฯคุย ตอนนี้ก็มีแค่นี้ที่ทำได้ ถ้าหนูไม่สบาย เมืองไทยจะมียาที่หนูกินแล้วหายไว ก็จะให้ป๊าม๊าส่งมาให้ เป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ที่ทำให้รู้สึกว่าป๊าม๊าเหมือนอยู่ข้าง ๆ หนูเสมอ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากกลับบ้าน เพราะไม่ได้กลับนานแล้วจริง ๆ ช่วงนี้ได้ข่าวมาว่าโควิด ก็คืออาจเป็นเชื้อไวรัสระยะยาว ถ้าเป็นแบบนี้ หนูก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเมื่อไหร่  คิดถึงบ้านมาก ทั้งป๊าม๊า น้องหมาที่บ้าน ห้างที่เคยไปเดินเที่ยว ถนนของเมืองไทย ท้องฟ้าของเมืองไทย หนูก็คิดถึงหมด อยากกลับบ้านจริง ๆ ค่ะ

Q : ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จในจีนแล้ว ก้าวต่อไปของ “ซันนี่” คืออะไร?

ซันนี่ : ทำให้คนรอบตัวและคนที่ชื่นชอบหนูมีความสุข สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับคนที่ชื่นชอบหนูค่ะ

Q : ท้ายที่สุดฝากผลงานและฝากถึงแฟนชาวไทย?

ซันนี่ : ช่วงนี้กำลังเตรียมอัลบั้มที่สองอยู่ค่ะ คิดว่าปลายปีนี้น่าจะได้ปล่อยให้แฟน ๆ ที่รักทุกคนได้ชื่นชมรับฟังกัน ก็จะต่างจากอัลบั้มที่แล้วมาก และขอบคุณแฟน ๆ ชาวไทยทุกคนที่คอยติดตาม สนับสนุนและคอยเป็นกำลังใจ แม้ว่าไม่ได้กลับไทยมาปีครึ่งแล้ว แต่ทุกคนยังอยู่ ขอบคุณมาก ๆ และสวัสดีเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักซันนี่ หวังว่าจะมีโอกาสได้เจอกัน และขอให้โควิดหายไว ๆ อยากกลับบ้าน ไปเจอแฟนคลับทุกคน และไปเจอคุณพ่อคุณแม่ ฝากทุกคนดูแลตัวเองด้วย เพราะตอนนี้โควิดก็ยังถือว่าอันตรายอยู่ ออกจากบ้านก็ใส่แมสด้วย และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยค่ะ

            ด้วยความไม่ย่อท้อในการทำตามฝัน จึงทำให้ “ซันนี่” ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ และแม้เธอจะโด่งดังในระดับเอเชีย แต่ก็ยังไม่เคยลืมแฟนคลับชาวไทย และเชื่อว่าเพลงไทยที่ “ซันนี่” ตั้งใจทำนี้ จะเป็นเป็นของขวัญที่มีค่าและเต็มไปด้วยความหมายต่อแฟนชาวไทยสุด ๆ ใครคิดถึงเธอ อย่าพลาดติดตามคลิปสัมภาษณ์แบบจัดเต็ม “ซันนี่” ได้ทางยูทูปช่อง Dailynews Live-TH และเฟสบุ้ค Dailynews

รู้จัก “ซันนี่ (Sunnee)”

“ซันนี่ (Sunnee) เป็นศิลปินสาวลุคสุดเท่ชาวไทยที่แจ้งเกิด และโด่งดังไปไกลถึงแดนมังกรวัย 24 ปี ชื่อเต็มของเธอคือ เกวลิน บุญศรัทธา และเธอยังมีชื่อในภาษาจีนว่า “Yang Yuqing” หรือที่ใครหลายคนรู้จักเธอในชื่อ “ซันนี่ หยาง” เธอเกิดวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2539 เป็นคนที่ชื่นชอบการร้องเพลงเป็นอย่างมาก นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอมีความฝันที่อยากจะเป็นศิลปิน

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2015 “ซันนี่” ได้ร่วมเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงฮักเกี้ยน สามารถคว้าแชมป์ และได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแข่งขันที่ประเทศจีนในรายการชื่อว่า “5th Global Hokkien Singing Competition” เมื่อเธออายุได้ 15 ปี ซันนี่ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ประเทศไต้หวัน เพื่อไปแข่งขันประกวดร้องเพลงโดยเฉพาะ ต่อมาเมื่อเธออายุได้ 18 ปี ซันนี่ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงไต้หวันที่มีชื่อว่า “K-L Entertainment” และได้เพอร์ฟอร์มวงที่มีชื่อว่า “A’N’D (Angel and Devil)” และเธอยังได้รับโอกาสได้เล่นซีรีย์ในประเทศไต้หวันอีกด้วย เรียกได้ว่าปังสุด ๆ ตั้งแต่ยังวัยรุ่น

เมื่อปี 2018 “ซันนี่” ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการ “Producer 101 China” เพื่อเฟ้นหาสมาชิกจำนวน 11 คน เพื่อเพอร์ฟอร์ม เป็นวงเกิร์ลกรุ๊ป โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างฐานแฟนคลับที่เป็นผู้หญิง และ “ซันนี่” ก็ได้รับเสียงตอบรับจากแฟน ๆ รายการเป็นอย่างดี นอกจากนี้เธอยังได้รับการโหวตให้เป็นผู้ชนะคนที่ 8 ของรายการ ทำให้เธอได้เป็นหนึ่งในสมาชิกวง “Rocket Girls 101” พร้อมเดบิวต์อัลบั้มดิจิตอลครั้งแรกในปี 2018 ณ ขณะนั้น มีชื่อว่า “Collide” และสามารถเปิดตัวอัลบั้มดิจิตอลดังกล่าวด้วยยอดขายได้สูงสุดถึง 2,122,858 ชุด รวมเป็นเงิน 21 ล้านหยวน หรือ 100 ล้านบาทไทย เรียกว่าว้าวสุด ๆ ปัจจุบันอัลบั้มดิจิตอลนี้ยังเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดในแอป QQ Music ตลอดการลำดับที่ 15

ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ปี 2019 อัลบั้มดิจิตอลที่สองของวงที่มีชื่อว่า “The Wind” ได้ปล่อยออกมา และมียอดขายรวม 698,516 ชุด เป็นเงิน 18.8 ล้านหยวน หรือ 88 ล้านบาทไทย ปัจจุบันเป็นยอดขายสูงสุดในแอป QQ Music ตลอดการลำดับที่ 18 และทำให้ชื่อของ “ซันนี่” โด่งดังเปรี้ยงปร้างในชั่วพริบตา มีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมากทันที

นอกจากผลงานเพลงสุดปัง   ซันนี่ ยังติดอันดับ 100 สาวหน้าสวยที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก 2 ปีซ้อน ประจำปี 2018 ในอันดับ 90 และ ปี 2019 ในอันดับ 84 (The 100 Most Beautiful Asia Face of 2018-2019) ซึ่งเป็นการจัดอันดับโดย TCC (ผ่าน Weibo) ก่อนหน้านี้ ซันนี่ ได้ปล่อยโซโล่เดี่ยวออกมา 2 เพลง ได้แก่ เพลง  “Qing ge” และเพลง “Look at yourself”  รวมทั้งร้องเพลง “ต๊ะต่อนยอน…Hurry Up!” ร่วมกับ LYRA  มาแล้วด้วย

ฮาอึน