เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.มหาสารคาม พล.ต.ต.ดิเรก จิตอร่าม ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม พ.ต.อ.นุติ ศักดิ์สุภาพ ผกก.สส.ภ.จว.มหาสารคาม และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.มหาสารคาม ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสามารถ ครุฑทิน หรือช้าง อายุ 38 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 322,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และรถยนต์ 1 คัน

พล.ต.ต.ดิเรก กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.อุบลราชธานีว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมนำยาบ้าไปจำหน่ายในเขตอุบลราชธานี โดยพักอาศัยในพื้นที่มหาสารคาม จึงได้ออกสืบสวนหาข่าวจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้มาพักอาศัยที่หอพักแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม อ.เมือง จ.มหาสารคาม เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังเฝ้าสังเกตพฤติกรรม กระทั่งพบผู้ต้องหาขับขี่รถยนต์ ฮอนด้า ซิตี้ สีเทา หมายเลขทะเบียน 6 กอ 7368 กรุงเทพมหานคร เข้ามาบริเวณหอพัก ในสภาพฝากระโปรงหน้าบุบ กันชนหลุดลุ่ย ทราบภายหลังว่าผู้ต้องหาขับรถไปชนท้ายคู่กรณีในพื้นที่ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม ซึ่งขณะนั้นกำลังจะนำยาบ้าไปส่งตามจุดนัดหมาย เขตรอยต่อระหว่าง จ.มหาสารคาม กับ จ.ขอนแก่น แต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน จึงได้ขับรถกลับเข้ามาที่หอพัก

พล.ต.ต.ดิเรก กล่าวต่อว่า เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นจึงได้แสดงตัวขอตรวจค้นในรถ พบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงผ้าสีขาว วางไว้ที่พื้นที่นั่งฝั่งผู้โดยสารด้านซ้ายคนขับ จำนวน 40,000 เม็ด โดยผู้ต้องหายอมรับว่า เป็นเจ้าของยาบ้าทั้งหมด และแจ้งกับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมว่า ยังมียาบ้าอีกส่วนหนึ่งอยู่ในห้องพัก จึงได้นำเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบในห้องพัก พบยาบ้าอีก 160,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ราวแขวนเสื้อผ้า และยังมียาบ้าอีก 122,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า รวมยาบ้าทั้งหมด 322,000 เม็ด

สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า รับยาบ้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยไปรับมาจาก อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม โดยจะทำหน้าที่เป็นนักบิน นำยาบ้าไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ อุบลราชธานี เลย สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อุดรธานี และร้อยเอ็ด จะใช้หอพักเป็นแหล่งพักยา เพราะไม่ได้มีการส่งยาในพื้นที่มหาสารคาม โดยจะได้ค่าจ้างมัดละ 800 บาท

สำหรับประวัติของผู้ต้องหาเคยมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติด เพิ่งจะพ้นโทษออกมาในปี 63 และยังมีหมายจับของศาลจังหวัดสตูล ในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดอีกด้วย เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “มีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป