เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ พา นายฉัตรชัย จันทไพบูลย์ อดีตพนักงานฝ่ายรักษาความปลอดภัย การท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งเป็นอดีตพนักงานการท่าเรือฯ กว่า 30 คน เข้าพบ พ.ต.ท.ชัยรัตน์ กิจงาม สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปปป. เพื่อแจ้งดำเนินคดีกับผู้บริหาร และอดีตผู้บริหารการท่าเรือฯ 8 คน ในความผิดฐาน “ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157”

นายกฤษฎา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2557 ต่อเนื่องถึงปี 2560 ตัวแทนผู้บริหารการท่าเรือฯ ขณะนั้น ได้เข้าพบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานและอดีตพนักงานการท่าเรือฯ รวม 560 คน อ้างว่าทุจริตเบิกค่าล่วงเวลา ทั้งที่ไม่ได้ทำงานจริง ทำให้รัฐเสียหายประมาณ 3,300 ล้านบาท กระทั่งเวลาผ่านมา 6 ปี ดีเอสไอ สืบสวนสอบสวนสรุปสำนวน มีคำสั่งฟ้องผู้เกี่ยวข้องเพียง 34 คน จาก 560 คน พร้อมนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 34 คน ส่งให้พนักงานอัยการคดีพิเศษพิจารณา เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา อีกทั้งยังพบว่าคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายเพียง 3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังจากข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติแล้วว่า พนักงานกว่า 500 คน เป็นผู้บริสุทธิ์ และเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนถูกกลั่นแกล้ง จึงรวมตัวกันเข้าร้อง บก.ปปป. เพื่อแจ้งดำเนินคดีกับอดีตคณะผู้บริหารการท่าเรือฯ และผู้เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด

นายฉัตรชัย กล่าวว่า พวกตน 500 กว่าคน ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการนำคนที่โกงเบิกเงินล่วงเวลา มาเป็นพยานฟ้องคนสุจริต และกล่าวหาพวกตนว่าโกงเงินหลวง จนเกือบต้องโดนคดีอาญา ทั้งที่ผ่านมา ทำงานตามจริงมาตลอด ซึ่งจากเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้คดีที่พวกตนฟ้องศาลแรงงานต้องถูกยกฟ้อง ทำให้ขาดโอกาส จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับทางตำรวจ บก.ปปป.

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป