เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์รายการ “อยากมีเรื่องคุย” ของข่าวสดออนไลน์ ถึงสถานการณ์การเลือกตั้งครั้งหน้า รัฐบาลยังเป็นขั้วอำนาจเดิมหรือไม่ และ “3 ป.” จะกลับมาได้หรือไม่ ว่า เป็นงานที่ยาก สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องให้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม หรือพรรคที่เกิดใหม่และพร้อมจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ ส.ส.เกิน 250 เสียง ซึ่งเป็นเรื่องยาก และถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้ ส.ส.น้อยกว่าพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่พรรคเหล่านี้จะมารวมกันแล้วให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีความชัดเจนในการแยกทางเดิน ซึ่งถ้า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถทำได้จริงก็อยู่ด้วยกันได้ แต่ถ้าไม่ได้ พล.อ.ประวิตร ก็มีทางเลือกใหม่แล้ว อีกทั้งการสื่อสารกับสังคมก็ชัดเจน เพราะมีจดหมายเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า พล.อ.ประวิตร มีทางเลือกอื่นที่จะเดิน ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ปฏิเสธว่าจะไม่เดินทางอื่น ฉะนั้น ตนจึงคิดว่าเป็นงานยากที่ 3 ป.จะกลับมา

เมื่อถามถึงกรณีที่เคยวิเคราะห์ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ตั้งรัฐบาล ว่าตนมองว่าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสตั้งรัฐบาลสูงกว่าพรรคอื่นแน่นอน เพราะยังไม่เห็นผลสำรวจไหนที่พรรคเพื่อไทยไม่มาเป็นอันดับหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้เกิน 200 ที่นั่งสูงมาก ขณะที่พรรคที่จำนวนส.ส.มาเป็นอันดับที่ 2 ก็ยังไม่มีตัวเลขไหนบอกว่าจะได้ถึง 100 ที่นั่ง ซึ่งถ้าพรรคฝ่ายค้านเดิมได้เกิน 250 เสียง ตนก็นึกไม่ออกว่าจะตั้งโจทย์ไม่ให้พรรคเพื่อไทยลองตั้งรัฐบาลก่อน จะเป็นไปได้อย่างไร ส่วนจะตั้งสำเร็จหรือไม่นั้น เนื่องจากต้องไปเจอด่านนายกฯ ที่ต้องได้ 375 เสียง โดยต้องมีเสียงสนับสนุนในสภา 250 เสียง ปัจจุบันจึงมีข่าวการจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะมีพล.อ.ประวิตร ที่นอกจากเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังถูกมองว่าเป็นผู้ที่สามารถโน้มน้าวสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้จำนวนหนึ่ง

ต่อข้อถามถึงกระแสที่มองว่าแม้พรรคเพื่อไทยได้เสียง ส.ส.มากที่สุด แต่จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีสิทธิ์ที่จะคิดได้ แต่ก็มีคำถามว่าวิธีการคืออะไร ถ้าจะทำวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เอาเสียงของ ส.ว. มาหักล้างเสียงประชาชน แล้วตั้งรัฐบาลที่ไม่มีเสียงข้างมากในสภา รัฐบาลนั้นตั้งมาแล้วจะอยู่ได้หรือไม่ หรือถ้าตั้งมาแล้ว ใช้วิธีพิเศษในการดึง ส.ส.เข้าไป ก็ต้องคำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของสังคมในขณะนั้นว่า เขาต้องการเลือกพรรคไหนเป็นรัฐบาล รวมถึงอาจมีกรณีแจกกล้วย ก็จะยิ่งบั่นทอนความน่าเชื่อถือในระบบการเมืองมากขึ้นไปอีก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น สมมติถ้าพรรคเพื่อไทยทำอย่างไรก็ไม่ถึง 375 เสียง ส่วน ส.ว.ถึงอย่างไรก็ไม่เลือก แต่ไม่สามารถเลือกใครมาได้เหมือนกัน จะมีแรงกดดันของสังคมว่า แล้วคุณกำลังทำเพื่ออะไร จะยิ่งทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อตัวระบบอีกครั้ง ฉะนั้น ถ้าผู้เล่นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพยายามทำบางอย่างที่ท้าทายการตัดสินของประชาชน ตนมองว่าไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่า ส.ว. เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคที่ได้เสียงข้างมากไม่ได้ตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงการมี มาตรา 272 สร้างคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทยได้ดีที่สุด เพราะบ่งบอกถึงอารมณ์ของประชาชน ทั้งนี้ ตามหลักการประชาธิปไตย ทุกวันนี้มาตรา 272 ทำให้หลายประเทศมองระบบการเมืองไทยว่า นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้ากลไกนี้ถูกนำมาใช้เพื่อปฏิเสธเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่ต่างประเทศ แต่คนในประเทศจะคิดอย่างไร

เมื่อถามว่า ถ้ารัฐบาลไม่เป็นไปตามเสียงประชาชน จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีโอกาสที่จะเกิดความวุ่นวายสูง ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ การเมืองจะต้องเดินออกมาจากปัญหาต่างๆ ที่สะสมมา ไม่ว่าจะเป็นบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ หรือเดินออกจากกรอบรัฐธรรมนูญปี 60 ซึ่งหลายอย่างตนคิดว่ามันถดถอย ขณะเดียวกัน หากพูดถึงพรรคเพื่อไทย ก็อยากให้เก็บบทเรียนจากในอดีต สมมติถ้ามีโอกาสได้เสียงข้างมากและเป็นรัฐบาล จะหลีกเลี่ยงการสร้างเงื่อนไขปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาจากสังคมอย่างรุนแรงอย่างไร ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะประเด็นเรื่องการกลับบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังวนเวียนอยู่ในข่าวตลอดเวลา

“ผมยังคิดเลยว่าวันแรกที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในเมื่อมีคุณสมบัติครบ และประชาชนเลือก ก็มีความชอบธรรมทุกอย่างที่จะดำรงตำแหน่งที่พรรคเพื่อไทยเสนอ แต่ก็หวังว่าเขาจะเก็บบทเรียนจากอดีตว่าถ้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ทำเพื่อเรื่องของครอบครัว ปัญหาก็จะย้อนกลับมาอีก ผมยังไม่ได้ยินคนจากพรรคเพื่อไทยที่ยืนยันหรือปฏิเสธว่าวาระพรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวกับวาระของนายทักษิณและครอบครัว จึงเป็นความกังวลอยู่ในใจว่ามันจะย้อนกลับไปสู่จุดเดิมหรือไม่”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ยิ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าจะไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ และกลายเป็นว่า นายทักษิณเป็นคนปฏิเสธ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ซึ่งแปลกดี อีกทั้งยังมีคำพูดของนายทักษิณ ที่ตนรู้สึกสะดุด คือ บอกลูกสาวอย่าไปยอมพรรคเพื่อไทย ที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม พูดอย่างนี้แปลว่า นายทักษิณยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ตนจึงกังวลว่าถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะย้อนกลับไปเรื่องวุ่นวายเดิมๆ หรือไม่ ตนอยากให้พรรคเพื่อไทยออกมาปฏิเสธว่าไม่ทำ จะได้เดินหน้ากันต่อไป