เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 มี.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงได้ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา มาอยู่กับ พปชร. ว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ จะมาช่วยดูภาคอีสาน โดยภาคอีสานมีคนดูแลอยู่แล้ว ท่านจะเข้ามาช่วยเสริม ดูแลทั้งหมดในภาพรวม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ต้องเข้ามาดูแลภาคอีสาน เพราะคนที่ดูแลภาคอีสาน ระหว่าง พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค กับนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ไม่ลงรอยกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นคนละเขต ระหว่างอีสานเหนือกับอีสานใต้ ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน สื่อไปคิดเองทั้งนั้น คนอยู่อีสานเหนือกับคนอยู่อีสานใต้ ทำกันคนละพื้นที่ จะไปขัดแย้งกันได้อย่างไร
เมื่อถามถึง กระแสข่าวว่า ส.ส. ในกลุ่มของนายวิรัช จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่าใคร ก่อนตอบว่า ก็ไปสิ ไม่ได้ว่าเลย ใครอยากไปก็ไป เราเคยบอกแล้วว่า มีคนเข้ามา 400-500 คน พื้นที่ทับกันไปมาอยู่แล้ว บางเขตมี 3 คน ตัวเด่นๆ ก็มีอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงการรับประทานอาหารร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เมื่อวันที่ 22 มี.ค. เป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไปกินข้าวบ้านผมก็อร่อย” เมื่อถามว่า มีการประเมินตัวเลข ส.ส. กันบนโต๊ะอาหารว่า พปชร. จะได้ 70 ที่นั่ง ภท. จะได้ 70 ที่นั่ง เป็นไปตามนั้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ ก็แล้วแต่ประชาชน เวลาตอบไม่รู้ สื่อชอบบอกว่าไม่รู้อีกแล้ว ให้รอเดี๋ยวจะมีเพลงไม่รู้มาให้ฟัง เดี๋ยวจะออกแล้ว” เมื่อถามย้ำว่า หัวหน้าพรรคจะร้องเพลงไม่รู้ด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้จัดการรัฐบาลใหม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้เลือกตั้งเลย สื่อไปคิดเองและพูดเอง ไม่ได้ปฏิเสธ แต่สื่อไปพูดเองเออเอง เมื่อถามว่า ในวงรับประทานอาหาร มีคำพูดที่ว่าใครได้คะแนนมากกว่าให้เป็นนายกฯ ไป พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีๆ พร้อมกับส่ายหัวและระบุว่า ไม่ให้ถามแล้ว ตนหยุดพูดตั้งแต่ตอนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประวิตร ตัดบทจะไม่ตอบคำถาม แม้ผู้สื่อข่าวพยายามจะถามในอีกหลายเรื่องต่อ แต่ได้เปิดโอกาสให้ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ “มายด์” แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 ที่มาขอสัมภาษณ์ ได้ซักถาม โดย พล.อ.ประวิตร ระบุว่า พรรคมีจุดยืนที่จะทำให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า เดินไปข้างหน้าให้ได้ เป็นสิ่งที่ตนอยากจะทำ ส่วนในเรื่องการเมือง ใครจะคิดอย่างไรก็ว่าไป พรรคต้องการที่จะทำให้คนไทยรักกัน มีความสามัคคี พล.อ.ประวิตร ยังตอบคำถามเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ที่ยังมีข้อถกเถียงกันเป็นอย่างมาก มีแนวทางจะแก้ไขอย่างไรว่า ตนยังไม่ได้ดำเนินการตรงนี้ ไม่มีความคิดในการแก้ไข เพราะเป็นเรื่องของรัฐสภาที่จะดำเนินการ ต้องไปว่ากันตรงนั้น หลังเลือกตั้งค่อยว่ากัน
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังตอบคำถามเรื่องการป้องกันการรัฐประหารว่า “รัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ถ้าประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว บ้านเมืองจะไม่มีการรัฐประหารอีกแล้ว ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการใช้กำลังให้ประชาชนล้มตาย ไม่มี แต่ถ้าเกิดความไม่สงบ บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ก็จำเป็น”
ระหว่างนี้ผู้สื่อข่าวจึงถามเสริมขึ้นว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบด้วยเสียงหนักแน่นว่า ไม่มี
ส่วน น.ส.ภัสราวลี เปิดเผยถึงการเดินทางมาพรรคพลังประชารัฐว่า วันนี้ที่พรรคเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถามคำถามได้ ซึ่งได้เตรียมแนวทางคำถามที่จะไว้ใช้ถามกับทุกพรรคการเมือง โดยจะเดินทางไปพบทุกพรรคการเมือง เพราะต้องการทราบถึงทรรศนะของแต่ละพรรคการเมืองว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ทั้งเรื่องของรัฐธรรมนูญปี 60 หรือคดีนิรโทษกรรมทางการเมือง ตนต้องการถามตรงนี้ที่เป็นข้อสงสัยของประชาชน จึงอยากให้แต่ละพรรคได้แสดงจุดยืนตรงนี้ และที่มาถาม มาในฐานะสื่อมวลชนจากรายการ “มุมมองมายด์” ของช่อง เฟรนด์ทอล์ค ยืนยันว่า การมาครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวใดๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกใจหรือไม่ที่ พล.อ.ประวิตร เปิดโอกาสได้พบและเปิดโอกาสให้พูดคุยอย่างเต็มที่ น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า ถือเป็นหมุดหมายที่น่าสนใจ เป็นจังหวะที่น่าสนใจพอสมควร ถ้า พล.อ.ประวิตร อยากคุยกับตน อาจจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า จะไปพรรคการเมืองอื่นด้วยหรือไม่ น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า จะไปพรรคอื่นด้วย โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยจะถามคำถามเดียวกัน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม จะอยู่หรือไม่อยู่ ไม่เป็นไร แต่อยากให้เป็นแกนนำพรรคได้ตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อสะท้อนเจตจำนงของพรรคตัวเองให้ได้มากที่สุด
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นนักเคลื่อนไหว ไม่คิดว่าการไปแต่ละพรรคจะถูกกีดกันใช่หรือไม่ น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่ ขอยืนยันว่า ตัวเองแสดงตนชัดเจนว่ามาในฐานะสื่อมวลชน และคิดว่ายิ่งในสถานการณ์ที่เป็นที่จับตาของประชาชนในตอนนี้ การเปิดกว้างเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจว่า พรรคเหล่านั้นได้ทำตามระบอบประชาธิปไตยหรือไม่
เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า เห็นด้วย แต่อาจจะต้องมีจุดที่ต้องขยายความว่า การก้าวข้ามความขัดแย้งนั้นจะเป็นในลักษณะไหน อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องของรัฐธรรมนูญปี 60 ที่มีข้อถกเถียงในสังคมจะว่าอย่างไร รวมถึงในเรื่องของนิรโทษกรรม โดยคำถามนี้จะถามทุกพรรค เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ได้ไปพรรคเพื่อไทยมาแล้ว โดยได้เอาคำถามนี้ถามกับนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยด้วย และจะไปพรรคก้าวไกลด้วย ที่อาจจะมีแง่มุมอื่นๆ ที่มีคำถามจากสังคม เพราะมีข้อสงสัยเยอะ
ต่อมาเวลา 16.15 น. น.ส.ภัสราวลี กล่าวภายหลังจากสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ภาพรวมวันนี้ถือว่าไปในทางที่ดี พล.อ.ประวิตร ได้ถามตนว่า “หนูจะมาทำอะไร หรือวันนี้จะมาชู 3 นิ้วหรือ” ซึ่งได้ชี้แจงว่า วันนี้ตนเองมาในฐานะสื่อมวลชน รวมทั้งรู้สึกว่าโอเคที่พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ปิดกั้นสื่อ ที่เสนอในแนวทางแบบประชาธิปไตย ที่เราไม่ได้สนับสนุนพรรคไหนเป็นพิเศษ และวิจารณ์ทุกพรรค
“พรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งนี้ ค่อนข้างวางตัวได้เป็นมิตรกับทุกคนพอสมควร รวมถึงการที่บอกว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ทำให้สถานการณ์ในวันนี้เป็นคำตอบได้ดี ที่พยายามทำให้ดูว่า ก้าวข้ามความขัดแย้งได้มากแค่ไหน” น.ส.ภัสราวลี กล่าว