เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงกรณีที่มีบุคคลโจมตีกล่าวหารัฐมนตรีของพรรค ซึ่งมีการทำเป็นขบวนการเพื่อปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังให้พรรคภูมิใจไทย โดยมีผลต่อคะแนนนิยมว่า กรณีดังกล่าวพรรคขอยืนยันว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะที่รัฐมนตรีของพรรค ได้ปฏิบัติหน้าที่มีกระบวนการทางนิติบัญญัติในการตรวจสอบและมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ อาทิ การร้องกล่าวหา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม แต่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามเกินกว่าการตรวจสอบทั่วไป แต่เป็นการสร้างระบบศาลเตี้ยเข้ามา เพื่อทำการปลุกปั่นสังคมให้เกิดความเข้าใจผิด โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงเรื่องความผิดถูกที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ

ทั้งนี้ พรรคได้ปฏิบัติหน้าที่ในสภา หรือในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลในกระทรวงต่าง ๆ เราได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ไม่มีการโกงบ้านเมืองอย่างที่มีคนออกมาพยายามกล่าวหา เราจึงต้องออกมายืนยันว่า การกล่าวหานั้นเป็นการกล่าวร้ายพรรคโดยมีวาระซ่อนเร้นอยู่ ที่ผ่านมาเราพยายามปกป้องผลประโยชน์ของชาติ แน่นอนว่าการดำเนินการของพรรคอาจกระทบคนบางคน บางกลุ่ม หรือนิติบุคคลบางแห่ง แต่เรายืนหยัดเสมอมาว่า เราได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ เป็นการปฏิบัติทุกอย่างภายใต้กฎหมาย ดังนั้น เรื่องถูกผิดต้องดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่วันนี้กรณีของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่มีการประกาศอย่างชัดเจนว่ารับงานมาเพื่อมุ่งร้ายทำลายพรรคภูมิใจไทย กรณีนี้เป็นการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตในฐานะประชาชนที่จะติชมด้วยความเป็นธรรม แต่มีเจตนาซ่อนเร้น ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพของประชาชนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการพูดอาฆาตมาดร้าย และมีการแสดงออกตามพื้นที่ต่าง ๆ

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นถามว่ารับงานจากใคร ก็มีข่าวปรากฏออกมาค่อนช้างชัดว่า เป็นกลุ่มบุคคลที่เสียประโยชน์ในสิ่งที่พรรคออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้น ในวันนี้พรรคจะดำเนินการกับบุคคลใดก็ตามที่เข้ามากล่าวร้าย บิดเบือน พรรคภูมิใจไทยในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เราเชื่อมั่นในหลักนิติรัฐนิติธรรม จะไม่ยอมให้กระบวนการที่ทำเหมือนเป็นศาลเตี้ยเข้ามาจนทำให้กระบวนการทางกฎหมายสั่นคลอน วันนี้ นายชูวิทย์ หรือใครก็ตามที่นำเรื่องที่นายชูวิทย์แถลง ไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง มุ่งร้าย บิดเบือนพรรคภูมิใจไทย เราจะดำเนินการทุกคดีกับใครก็ตามที่ใส่ร้ายพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสีย โดยพรรคยึดหลักการเคารพกฎหมายฉะนั้น เมื่อมีบุคคลที่ไม่เคารพกฎหมายมาทำแบบนี้ เราก็จำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรีและคะแนนนิยมของพรรค โดยจะดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมทุกเรื่องกับทุกฝ่ายกับบุคคลทุกคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยว

นี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พรรคจะดำเนินคดีเพื่อปกป้องสิทธิของเรา โดยยึดหลักบ้านเมืองที่ต้องมีขื่อมีแป เราไม่ได้ปิดปากนายชูวิทย์ เพราะถ้าจะใช้เสรีภาพติชมเราไม่มีปัญหา แต่ถ้าใส่ร้ายป้ายสีถือว่าเป็นการล่วงละเมิดต่อพรรค วันนี้ (16 มี.ค.) พรรคจะยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มาตรา 22 ระบุว่า กกต.ต้องมีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ให้เกิดความเรียบร้อย ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม รวมถึง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 ระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น มีผลทำให้ประชาชนมีความเข้าใจหลงผิดในคะแนนนิยม ซึ่งทั้งหมดเป็นโทษทางอาญา บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายชูวิทย์ จะมีการดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เช่น พรรคจะดำเนินคดีโดยหัวหน้าพรรค หรือเลขาธิการพรรค หากพบว่าผิดก็จะดำเนินคดี รวมถึงหน่วยงานราชการ เช่น กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่นายชูวิทย์ ไปดำเนินการหมิ่นประมาทใส่ร้าย ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะดำเนินคดีต่อไป

“มีคนถามว่า ทำไมพรรคภูมิใจไทยปล่อยให้นายชูวิทย์ดำเนินการไปเรื่อย ๆ นั้น ผมยืนยันว่า เรื่องนี้เราจะเริ่มดำเนินคดี โดยผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 400 เขต ที่ได้รับความเสียหายจากนายชูวิทย์ จะไปดำเนินคดีกับ นายชูวิทย์ จะร้อง กกต.จังหวัดแต่ละเขต รวมถึงฟ้องคดีอาญานายชูวิทย์ ผมเชื่อว่าท่านไม่กลัวติดคุก เพราะท่านเคยติดคุก อาจเสพติดเรื่องการติดคุก มีคดีมาก ๆ ท่านอาจจะชอบ แต่พรรคต้องทำเพื่อปกป้องสิทธิปกป้องชื่อเสียงเกียรติคุณของพรรค มีสุภาษิตกฎหมายคำหนึ่งว่า บุคคลจะต้องไปศาลด้วยมือที่สะอาด ซึ่งอาจจะหมายถึงว่า ตัวผู้ร้องต้องเป็นบุคคลที่สะอาด ฉะนั้นการที่ นายชูวิทย์ ไม่ได้ใช้สิทธิโดยสุจริต แต่กระทำด้วยการอาฆาตมาดร้ายจึงไปร้องโดยที่มือไม่สะอาด เรื่องที่นายชูวิทย์ทำในอดีต เช่น การเปิดกิจการอาบอบนวาด การรื้อบาร์เบียร์แล้วติดคุก นั่นอาจหมายถึงความสกปรก แต่การที่ นายชูวิทย์ จะกล่าวหาพรรคต้องมือสะอาด และไปด้วยเจตนาของตัวเอง ไม่ใช่เหตุผลว่ารับงานมา”

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีสื่อบางสื่อนำถ้อยคำของนายชูวิทย์ไปทำอินโฟกราฟิก ขอฝากว่า ท่านกำลังร่วมกระทำความผิดกับนายชูวิทย์ จึงขอเตือนว่าวันนี้ท่านยังกลับตัวกลับใจได้ทัน ขอให้หยุดการกระทำไม่เช่นนั้นจะโดนได้แบบนายชูวิทย์ ขณะเดียวกัน พรรคการเมืองบางพรรคที่ฉวยโอกาสไปบิดเบือนใส่ร้ายพรรคภูมิใจไทย เราจะดำเนินคดีด้วย สิ่งไหนกระทำโดยผู้บริหารพรรค เราจะยื่นยุบพรรค เช่น พรรคประชาชาติ ที่มีการปราศรัยกล่าวหาพรรคภูมิใจไทยโกง 3 หมื่นล้านบาท โดยอ้างคำพูดของนายชูวิทย์ ซึ่งคนพูดเป็นผู้บริหารพรรคก็เตรียมรับคำร้องเรื่องการยุบพรรคด้วย

เมื่อถามว่า หากพบหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงคนที่นายชูวิทย์รับงานจะดำเนินคดีด้วยหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า จะดำเนินคดีด้วยแน่นอนหากพบหลักฐานที่เชื่อมโยง ขณะนี้มีหลักฐานอยู่พอสมควรแล้ว ทั้งนี้ ถ้านายชูวิทย์ใช้สิทธิโดยสุจริตของท่านก็ถือเป็นสิทธิแต่หากท่านไม่มีข้อมูล และไปยื่นคำร้องอันเป็นเท็จ จะถือว่าเป็นการยิงเท็จได้เหมือนกันซึ่งพรรคจะขอศึกษาเรื่องนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม กว่า 90% ของนายชูวิทย์คือก๊อบปี้จากคนอื่นและเป็นการมโน

นายศุภชัยยัง กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ ระบุว่า มีเอกสารการโอนเงิน หรือบอกว่ามีเงินทอน 3 หมื่นล้าน โอนจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ธนาคาร HSBC ว่า สิ่งที่กระทรวงคมนาคมถามไปว่าใครโอน ใครรับโอน ทั้งที่โครงการนี้ยังไปไม่ถึงไหน อีกทั้งเรื่องยังไม่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ชูวิทย์ก็เฉไฉไม่ยอมตอบ เหตุเพราะสิ่งที่พูดไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่ นอกจากนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งข้อกล่าวหากรณีรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว มีถูกกล่าวหา 13 คน คือ อดีตผู้ว่าฯ กทม. บีทีเอส และผู้บริหาร ตนก็อยากถามนายชูวิทย์ ว่าถ้าคุณคิดว่าคุณมือสะอาดปกป้องผลประโยชน์ของชาติ กรณีสายสีส้มที่ยังไม่มีการดำเนินการขั้นไหนเลย และฝ่ายค้านยื่นไปแล้ว ท่านก็ช่วยไปตรวจสอบเรื่องสายสีเขียวด้วยได้หรือไม่ว่า กรณีสายสีเขียวมีเงินทอนหรือไม่ ท่านช่วยไปตามหน่อย ถ้าวันนี้ท่านอยากทำงานเพื่อชาติ ใจสะอาด ก็ช่วยไปตามสายสีเขียวด้วย ถ้านายชูวิทย์แน่จริง ขณะที่เรื่องกัญชา ท่านก็มีร้านของตัวเอง 2 ร้าน พอปลดล็อกก็มาทำธุรกิจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ วันนี้ร้านนายชูวิทย์ก็ยังเปิดอยู่ 

“ถ้านายชูวิทย์ อยากจะเป็น จอห์น วิค พระเอกดังในภาพยนตร์ฮอลลีวูด ก็จงปรับวิธีการเพราะสิ่งทีคุณทำเป็นเรื่อง “Chuweed” วันนี้มีคนเชิญท่านไปดีเบตเรื่องกัญชา ก็หนี ก็เฉไฉไปเรื่อย ก็ขอให้ท่านเตรียมรับหมายศาล ซึ่งทุกคดีเราเก็บหมด เป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระ หนึ่งคดีมีโทษจำคุกซ้อนๆอยู่หลายโทษ” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวต่อไปถึงกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ “สารวัตรคลั่งสายไหม” มีบ้องกัญชาอยู่ในที่เกิดเหตุว่า อยากฝากสังคมให้แยกแยะระหว่างแก่นกับกระพี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าวมีอาการป่วยทางจิต จึงมีความเป็นไปได้ที่จะหาทุกอย่างในสากลโลกมาเสพก็ได้ และบ้องกัญชาที่มีอยู่เขาอาจไม่ได้เสพก็ได้ ดังนั้น ภาพที่ปรากฏมันไม่ได้แสดงว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์ของกัญชาที่มีอยู่มากมายมหาศาลกลายเป็นสิ่งไม่ดีไป เพียงเพราะบ้องกัญชาที่อยู่ข้างสารวัตรคนดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า จากผลวิชาการที่ตนศึกษามา สารจากกัญชา TSC ไม่ได้มีผลที่ทำให้เสพแล้วคลั่ง ดังนั้น การคลุ้มคลั่งของเขาวันนี้ ตำรวจอาจจะยังไม่เจอสิ่งที่ใช้เสพ สารชนิดอื่นก็ได้ แต่ตนจะไม่ขอวิจารณ์เพราะผู้คลุ้มคลั่งเสียชีวิตแล้ว แต่สังคมต้องใช้หลักกาลามสูตร อย่าเชื่อเพียงเพราะเห็นบ้องกัญชา ควรใช้หลักความเชื่ออย่างมีเหตุมีผล หลายครั้งตนเห็นบ้านของประชาชนมีบ้องกัญชาแต่ก็ไม่เห็นมีใครคลุ้มคลั่ง ดังนั้น การวิจารณ์พรรคภูมิใจไทย สามารถวิจารณ์ ได้แต่เรายืนยันเราจะผลักดันกฎหมาย มาควบคุมให้สังคมเรียบร้อย ปลอดภัย

ส่วนกรณีที่มีการปรากฏภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นการร่วมพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ว่า วันนี้ต้องยอมรับว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรคประกาศตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็น พล.อ.ประวิตร ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ การจะไปทานข้าวกัน และแลกเปลี่ยนทางการเมือง เป็นเรื่องปกติ สามารถทำกันได้อยู่แล้วแต่จะเป็นความปกติหรือผิดปกติหรือไม่ สื่อมวลชนต้องติดตามเอาเอง

เมื่อถามว่า เป็นการข่มขู่ขั้วตรงข้ามหรือไม่ นายศุภชัย ระบุว่า การเมืองเขาไม่ข่มขู่กัน เพราะการเมืองไม่ข่มขู่อยู่แล้ว เราใช้เรื่องกฎหมายกัน ไม่มีการขู่กัน

เมื่อถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ 2 พรรคนี้จะจับมือกันหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า นายศุภชัย กล่าวว่า ตอนนี้ทั้งสองคนก็ร่วม ครม.กันอยู่แล้ว และ พล.อ.ประวิตร เป็นคนที่นายอนุทิน นายศักดิ์​สยาม และนายชาดา เคารพอยู่แล้ว การจะนัดกินข้าวกันเป็นสิ่งที่ดี