จากพฤติกรรมความป่าเถื่อนอุ้มซ้อมทรมาน เพื่อเป้าหมายที่ต้องการ โดยไม่ก่อให้เกิดบทเรียนที่นำไปสู่หนทางแก้ไข
แม้เป็นผู้กระทำผิด แต่พวกเขามีสิทธิที่จะหายใจ ต่อให้เป็นผู้พิทักษ์รักษากฎหมาย ก็ใช่ว่าจะมากำหนดลมหายใจของพวกเขาเหล่านี้ได้ตามอำเภอใจ
สีกากีวันนี้ไม่เหมือนเก่า ความเน่าเฟะที่หมักหมมอยู่ใต้พรมกรมตำรวจเริ่มกลายเป็นเนื้อร้ายที่ไม่มีหนทางรักษาให้หายขาด
การตายของผู้ต้องหาคดียาเสพติด ที่ถูกปลิดชีวิตด้วยความเหี้ยมโหดจากเงื้อมือของตำรวจ โผล่ขึ้นอีกครั้ง กับกรณีของ ผกก.โจ้ ตำรวจไฮโซผู้อื้อฉาวในเวลานี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวด คล้ายวนเวียนติดอยู่กับวังวนเดิมๆ ที่ไม่มีจุดหมาย กลายเป็นวัฒนธรรมป่าเถื่อนที่สืบต่อกันรุ่นต่อรุ่น โดยที่สังคมไม่พึงประสงค์
“ผู้ต้องหาก็คือคน มีสิทธิเหมือนมนุษยชนทั่วไป ผิดก็ว่าไปตามผิด ทุกอย่างมีขั้นตอนทางกฎหมาย ใช่ว่าต้องถึงขั้นฆ่าแกงเอาชีวิต”
ชัดเจนแล้วว่าเมื่อการปลูกฝังสร้างจิตสำนึกวัฒนธรรมในองค์กรตำรวจรุ่นใหม่ ลด ละ เลิกความรุนแรง ยังไม่ใช่หนทางนำไปสู่การแก้ไขปัญหา เป็นแค่เพียงฉากหน้า หรือวาทกรรมสร้างภาพพจน์ไม่ให้ติดลบจมดินไปมากกว่านี้
จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ประเทศไทยควรจะมี “พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย” เหมือนนานาประเทศที่เจริญแล้วบ้างเสียที ภายใต้วงเล็บในแบบมาตรฐานสากล
อันที่จริงกฎหมายดังกล่าวเริ่มมีการผลักดันให้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2551 กินเวลาล่วงเลยมาเกือบ 13 ปี จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นได้แค่เพียงร่างกฎหมาย ที่ไม่ผ่านการพิจารณาให้มีผลบังคับใช้เสียที ต่างจาก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมโควิด ที่ทาง ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดูจะให้ความสนใจเป็นพิเศษมากกว่า
เหตุผลที่ว่าทำไมถึงควรมีข้อกฎหมายดังกล่าว การอุ้มซ้อมทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างบาดแผลบอบช้ำให้กับผู้ถูกกระทำมากมาย ทั้ง ร่างกาย จิตใจ และ ชีวิต โดยที่พวกเขาเหล่านี้หรือคนในครอบครัวไม่ได้รับการเยียวยา หรือ ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง
ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้กระทำ หากเหยื่อไม่ถึงแก่ชีวิตจนเรื่องแดงออกมา ก็มักจะไม่ถูกตรวจสอบหรือดำเนินคดีอาญา ฉะนั้น หากมีกฎหมายคุ้มครองเหยื่อหรือเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างน้อยก็น่าจะช่วยป้องปรามหรือลดความรุนแรงของปัญหาได้ไม่มากก็น้อย
แต่ก็อย่างว่า! ตราบใดที่เหล่าบรรดาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติในสภาทั้งหลาย ยังคงมองข้ามปัญหา มัวแต่ทำตัวไร้ราคา บ้าจี้ท้าตีท้าต่อย จับผิดคนตาบอด การผ่าคลอดกฎหมายดังกล่าวก็คงเป็นได้แค่เพียงร่างในความฝันต่อไป…
หลง หลังลาย