เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการสามัญประจำกรมราชทัณฑ์ (อ.ก.พ.) ครั้งที่ 1/2566 พิจารณาลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัย โดยที่ประชุมมีมติลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัย จำนวนทั้งสิ้น 4 ราย แบ่งเป็น ไล่ออก 3 ราย และให้ออกจากราชการ 1 ราย รายละเอียดโดยสรุป ดังนี้ 1.กรณีปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ โดยมีพฤติการณ์จงใจฝ่าฝืนมาตรการของกรมราชทัณฑ์ด้านการควบคุมผู้ต้องขัง โดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเหตุให้ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี วางแผนกับบุคคลภายนอกหลบหนีการควบคุมที่ศาลอาญา รัชดาฯ อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับการยืนยันว่า ในกรณีนี้คือ คดีการหลบหนีศาลของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก โดยได้มีการไล่ออก จำนวน 1 ราย ซึ่งบุคคลนี้คือ เจ้าหน้าที่ที่พานายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ไปเข้าห้องน้ำ และอีก 1 ราย มีพฤติการณ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง ถอดเครื่องพันธนาการหลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ที่ศาลอาญา รัชดาฯ จึงให้ออกจากราชการ ซึ่งบุคคลนี้คือ เจ้าหน้าที่เรือนจำที่ดูแลเครื่องพันธการ

2.กรณีประพฤติชั่วและทุจริตต่อหน้าที่ ลักลอบนำยาเส้นเข้าไปให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยได้รับเงินค่าตอบแทน มีมติไล่ออกจำนวน 1 ราย

3.กรณีขาดราชการติดต่อกันเกิน 15 วัน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการติดต่อกันเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร มีมติไล่ออก จำนวน 1 ราย

ด้าน นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ ยังคงมุ่งสู่การปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐานและเน้นย้ำให้ข้าราชการในสังกัด ยึดถือกฎ ระเบียบ และมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านควบคุมดูแลผู้ต้องขัง (SOPs) อย่างเคร่งครัด พร้อมส่งเสริมคุณธรรม 5 ประการ คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และกตัญญู และหากพบเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กระทำผิดจริงหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจะถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างกับข้าราชการรายอื่น อีกทั้งตนยังได้กำชับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทั่วประเทศให้เข้มงวดกวดขันในเรื่องของการควบคุมผู้ต้องขังมิให้เกิดการรับผลประโยชน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆแก่ผู้ต้องขังให้ได้รับสิทธิพิเศษเหนือผู้ต้องขังรายอื่นโดยขอให้ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนด้วยความเท่าเทียมและเสมอภาคกัน

ทั้งนี้ หากพบเห็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายใดกระทำผิด หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด กรมราชทัณฑ์ได้เปิดช่องทางการรับเรื่องราวร้องทุกข์ถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้โดยตรง ผ่านทางเว็บไซต์ http://protect.moj.go.th หรืออีเมล [email protected] หรือทางโทรศัพท์ 0-2967-2222