จนล่าสุดมีอาการมือขวาอักเสบจนบวมเป่ง ต้องเข้าเข้าเฝือกอ่อน แอดมิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อให้แพทย์ตรวจรักษาอย่างละเอียด และต้องเลื่อนภารกิจลงพื้นที่ต่างจังหวัดยาวไป ไม่รู้ว่าจนกว่าจะถึงวันที่นายกฯ ตัดสินใจประกาศยุบสภาในช่วงกลางเดือน มี.ค.นี้ หรือไม่  ขณะที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชิลชิล สวมเสื้อปาเต๊ะลงพื้นที่จิบชาพบปะประชาชนที่ จ.นครศรีธรรมราช

ในซีกฝ่ายค้านก็คึกคักไม่แพ้กัน 2 พรรคใหญ่ อย่างเพื่อไทย และก้าวไกล ใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ ตะลุยหาเสียงขอคะแนนคนอีสาน โดย อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำทัพชักดาบประกาศศึกเลือกตั้งต่อหน้าย่าโม ที่ จ.นครราชสีมา บ้านเกิด บิ๊กตู่” พร้อมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดทับรอยรับประกันเก้าอี้คนฟังไม่โหรงเหรงเหมือนเมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

 มาที่พรรคก้าวไกลหลังจบดราม่าเดือดในเรื่องแนวทางก้าวเดินของพรรคก้าวไกล เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งปี 2566 ระหว่าง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กับ “ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โดยมี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า เป็นกาวใจประสานรอยร้าวท่ามกลางความสงสัยของคอการเมืองว่าเป็นการสร้างสตอรี่หรือเคืองกันจริง 

จากนั้นทั้งหมดก็ยกคณะลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด และขอนแก่นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่เคยได้ ส.ส.เขตแต่แปรพักตร์เป็นงูเห่าไป เปิดตัว 3 แกนนำ คณะก้าวหน้า คือ ธนาธร ปิยบุตร และ พรรณิการ์ วานิช เป็น “ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล” อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยมีเวทีปราศรัยใหญ่ที่สวนรัชดานุสรณ์ จ.ขอนแก่น เมื่อเย็นวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา 

โดย ธนาธร” ประกาศว่าขอเป็นวัวเป็นควายทำงานให้พรรคก้าวไกลส่ง “พิธา” ไปเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะตัวเองน้อยใจในโชคชะตาที่ไม่มีโอกาสทำงานแก้ปัญหาโครงสร้างของประเทศอย่างที่ตั้งใจหลังยุบพรรคอนาคตใหม่และถูกตัดสิทธิทางการเมือง การทำงานของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า “พิธา” เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยที่สุด

ฟาก “พิธา” ก็ลบภาพความบาดหมางลั่นขอผูกเสี่ยวกับ “ปิยบุตร” เดินหน้าทำงานร่วมกันเพื่อสานต่อภารกิจสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ต่อไป ก่อนตะลุยลงพื้นที่ช่วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น พรรคก้าวไกล ขอคะแนนเสียงประชาชน ภารกิจสำคัญคือทวงคืนพื้นที่จากงูเห่าคืน และเพิ่มจำนวน ส.ส.เขตในหัวเมืองใหญ่ให้ได้

อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์นี้ดูจะทำให้บทบาทการนำของพรรคก้าวไกลกลับมายึดติดที่ตัวบุคคล คือ “ธนาธร-ปิยบุตร” หรือไม่ ส่วน “พิธา” ควรจะปรับบทบาทการนำอย่างไร ให้เป็นดาวฤกษ์มีแสงสว่างในตัวเองพอที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้อย่างสมศักดิ์ศรี เป็นคำถามที่ขอฝากไว้ให้พิจารณา.