หนึ่งในประเพณีที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นงานประจำปีที่เป็นหนึ่งในมนต์เสน่ห์ของแม่ฮ่องสอนก็คือ “งานประเพณีปอยส่างลอง” หนึ่งเดียวของประเทศไทย ประเพณีของชาวไตที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนาของชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนการสืบทอดประเพณีจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีอันดีงามให้สืบไปชั่วลูกชั่วหลานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น โดยเฉพาะ ขบวนแห่ส่างลอง (แห่ครัวหลู่) นับได้ว่ามีความสวยงามตามแบบประเพณีโบราณของชาวไตอย่างแท้จริง รวมถึงพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ทำให้ประเพณีปอยส่างลองได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมกับการร่วมทำบุญสืบสานงานประเพณีด้วย

วันแรก เรียกว่า “วันรับส่างลอง” ในตอนเช้าเจ้าภาพส่างลองจะนำบรรดาเด็กชายไปวัด เพื่อแต่งชุดส่างลองด้วยการนุ่งโจงกระเบนสีสดปล่อยชายด้านหลังยาวจับกลีบ คาดด้วยเข็มขัดนากหรือเงิน สวมเสื้อแขนกระบอกโค้งงอน เสื้อปักฉลุลายดอกไม้สีต่าง ๆ ศีรษะโพกผ้าแพรเกล้ามวยเสียบด้วยดอกไม้ เช่น ดอกเอื้องคำ หรือดอกไม้อื่น ๆ แต่งหน้าส่างลองด้วยการเขียนคิ้ว ทาปาก สีแดง และสวมถุงเท้าสีขาว ถือเป็นการแต่งตัวส่างลองเต็มตัว พระสงฆ์ให้ศีลให้พรอบรมสั่งสอน จากนั้น “ตะแป ส่างลอง” หรือผู้ให้ขี่คอ นำส่างลองไปนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ศาลหลักเมือง เจ้าคณะจังหวัด และญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ในขบวนจะมี “ทีคำ” หรือร่มทองคำกางกั้นบังแดดให้ส่างลอง

วันที่ 2 เรียกว่า “วันแห่ครัวหลู่” เป็นวันแห่เครื่องไทยทาน มีการแห่ส่างลองกับเครื่องไทยทานจากวัดปางล้อไปตามถนนสายต่าง ๆ ในช่วงเช้ามีผู้มีจิตศรัทธาร่วมขบวนมากมายเพื่อช่วยกันแบกหามเครื่องอัฐบริขาร เครื่องไทยธรรม ทั้งเล็กและใหญ่ ขบวนแห่ประกอบด้วยจีเจ่ (กังสดาล) ม้าเจ้าเมือง ต้นตะเป่ส่าพระพุทธ ต้นตะเป่ส่าพระสงฆ์ ปุ๊กเข้าแตก เทียนเงินเทียนทอง พุ่มเงินพุ่มทอง อู่ต่องปานต่อง หม้อน้ำต่า อัฐบริขาร ดนตรีประโคมและขบวนแห่ส่างลอง โดยให้ส่างลองขี่คอพี่เลี้ยงเรียกว่า “ตะแปส่างลอง” มีกลดทองหรือ “ทีคำ” แบบพม่าไว้บังแดด ตอนเย็นมีการแสดงมหรสพสมโภชตามประเพณีไตที่วัดต่าง ๆ

วันที่ 3 เรียกว่า “วันข่ามส่าง” หรือ “วันหลู่” เป็นวันบรรพชาสามเณรและถวายเครื่องไทยทานแด่พระภิกษุสงฆ์ และเลี้ยงอาหารไต แก่ผู้ที่มาร่วมงาน เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

นอกจากมาเข้าร่วมประเพณีหนึ่งเดียวของไทยแล้ว หากชื่นชอบความตื่นเต้นและการผจญภัย สามารถหนีร้อนมาพึ่งถ้ำได้อีกอย่าง เพราะจังหวัดแม่ฮ่องสอนถือเป็นจังหวัดที่มีถ้ำมากที่สุดของประเทศไทย ซึ่งถ้ำต่าง ๆ ในแม่ฮ่องสอนถูกจัดการโดยชุมชนชาวดอยสเตอร์บริเวณข้างเคียงช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดภายในถ้ำอยู่เสมอ จึงทำให้บรรยากาศของการเดินถ้ำไม่อับและมีกลิ่นเหมือนกับถ้ำทั่ว ๆ ไป ด้านในเย็นสบายเหมาะกับการหลบอากาศร้อน ๆ เป็นอย่างดี

ถ้ำที่น่าสนใจมากมายรอให้ทุกคนมาเปิดโลกแห่งจินตนาการของหินงอก หินย้อย รูปทรงต่าง ๆ ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มถ้ำที่เดินง่าย ใช้เวลาไม่นาน อาทิ ถ้ำแก้วโกมล ถ้ำปลา ถ้ำลอด ถ้ำปะการัง ถ้ำเพชร กลุ่มถ้ำเชิงประวัติศาสตร์ชวนค้นคว้า อาทิ ถ้ำผีแมน และ ถ้ำผาแดง และกลุ่ม ถ้ำ ระดับยาก ท้าทายให้มาสักครั้งหนึ่งในชีวิต อย่าง ถ้ำแม่ละนา ที่มีความยาวอันดับ 2 ของประเทศไทย และ ถ้ำน้ำบ่อผี

ไม่เพียงเท่านั้นแม่ฮ่องสอน ยังเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านประสบการณ์ชาวดอยสเตอร์ (Doister Experience) ทั้งในรูปแบบการแต่งกาย อาหารการกิน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งเหมาะกับการ “รอนแรมมาเรียนรู้” เพราะสถานที่ตั้งของชุมชนอยู่ในสภาพภูมิอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี และมีกิจกรรมชุมชนมากมาย เหมาะสำหรับเป็น Social Detox ในช่วงหน้าร้อนเป็นอย่างดี อาทิ “ชุมชนชาวดอยสเตอร์” ในอำเภอปางมะผ้า อาทิ ชุมชนชาวลาหู่แดง บ้านผามอน ชวนแต่งกายสไตล์ลาหู่แดง ทำลูกช่วง ชมวิวดอยอู 360 องศา ชุมชนชาวลาหู่ดำ บ้านจ่าโบ่ และ บ้านลุกข้าวหลาม จุดชมวิวเลื่องชื่อของ ภูผาหมอก และจุดชมวิวแห่งใหม่ หนอ ฮ่อ ฝ่า บ้านลุกข้าวหลาม

ชุมชนชาวปกากะญอ บ้านเมืองแพม สัมผัสวิถีชีวิต สไตล์ Hand Craft ที่นำส่งจิตวิญญาณของคนรักป่า ทั้งรูปแบบการทอผ้าสีธรรมชาติ การแกะสลักไม้ และการจักสานที่เป็นมรดกภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น ชุมชนชาวไทใหญ่ บ้านแม่ละนา สัมผัสเรียนรู้วิถีชีวิตภายในถ้ำต่าง ๆ และเกษตรแปรรูป ถั่วลายเสือสินค้า GI ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

นอกจากนี้ในช่วงฤดูร้อน กรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ ได้มีการประกาศนับพระอาทิตย์ตกแสงสุดท้ายแดนสยาม ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม-6 ตุลาคม 2566 รวมระยะเวลา 7 เดือน ซึ่งทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มีการเตรียมพื้นที่ อาทิ กองแลน อำเภอปาย พระธาตุดอยกองมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และวัดจอมทอง อำเภอแม่สะเรียง แหล่งท่องเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกแสงสุดท้ายที่สวยงามให้กับนักท่องเที่ยวได้มีความสุข และประสบการณ์ “โมเมนต์ที่ใช่สร้างได้ไม่ต้องรอ” ในหน้าร้อนของเมืองเหนือของไทยด้วย.