สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่าที่ประชุมสภาที่ปรึกษาแห่งชาติของอิหร่าน มีมติเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อนุมัติรายชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของประธานาธิบดีอีบราฮิม ไรซี ซึ่งรับตำแหน่งผู้นำอิหร่านอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา
ยกเว้นเพียงผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งไม่ผ่านการรับรอง ด้วยเหตุผลว่า "ยังขาดคุณสมบัติเกี่ยวกับความรู้โดยตรงในสายงาน" ที่ประชุมรับรองนายฮอสเซ็น อมิราบโดลลาเฮียน อดีตเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำบาห์เรน ในตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ โดยตะวันตกเชื่อว่า อมิราบโดลลาเฮียนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ( ไออาร์จีซี ) กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และกองกำลังติดอาวุธซึ่งเป็น "นักรบตัวแทน" ของอิหร่าน ตามสมรภูมิหลายแห่งในตะวันออกกลาง
ประธานาธิบดีอีบราฮิม ไรซี แถลงต่อรัฐสภา
ขณะที่อดีตสมาชิกอาวุโสหลายคนในไออาร์จีซีได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในอีกหลายกระทรวงสำคัญ รวมถึง กระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตไม่น้อย ว่ารัฐมนตรีหลายคนในคณะรัฐบาลอิหร่านชุดปัจจุบัน มีชื่ออยู่ในบัญชีดำการคว่ำบาตรของสหรัฐ หรือสหภาพยุโรป ( อียู ) หรืออยู่ในทั้งสองบัญชี รวมถึงตัวไรซีเอง ซึ่งมีชื่อปรากฏบนบัญชีดำการคว่ำบาตรของรัฐบาลวอชิงตัน
สำหรับหนึ่งในข้อพิพาทสำคัญระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน คือประเด็นเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ ฉบับปี 2558 ไรซียืนยันว่า อิหร่านสนับสนุนการเจรจาตามหลักการกับคู่กรณีทุกภาคส่วน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้ สหรัฐซึ่งถอนตัวออกไป ต้องกลับมาร่วมข้อตกลงโดยเร็วที่สุด และปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงอย่างเคร่งครัด โดยรัฐบาลวอชิงตันลาออกจากการเป็นภาคีร่วมข้อกตลงดังกล่าว เมื่อเดือน พ.ค. 2561 ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แล้วหวนกลับมาบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อรัฐบาลเตหะราน
ขณะที่อิหร่านเองแม้ยังร่วมเป็นหนึ่งในภาคี แต่หลังการถอนตัวของสหรัฐ อิหร่านเดินหน้าเสริมสมรรถนะยูเรเนียม จนมากกว่าเกณฑ์ที่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ( ไอเออีเอ ) กำหนดไว้.

เครดิตภาพ : AP