เมื่อวันที่ 15 ก.พ. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความระบุ เล่าสู่กันฟัง….! “ทุกข์ของท่าน คือทุกข์ของเรา” “ทุกข์” คือความไม่สบายกายไม่สบายใจ เกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นคฤหัสถ์ หรือพระภิกษุ นักบวช นักพรต ฯลฯ ในส่วนของคฤหัสถ์เมื่อมี “ทุกข์” ก็มักจะไปปล่อยสัตว์ เช่น นก ปลา เต่า เป็นต้น บางท่านก็ไปถวายสังฆทาน ให้พระรดน้ำมนต์ เป่ากระหม่อมสะเดาะเคราะห์ ตามความเชื่อ แต่เมื่อพระทุกข์จะมีใครช่วยเหลือท่านบ้าง (ไม่แน่ใจ)

ผมเองในฐานะที่เป็นประธานอนุกรรมาธิการด้านการศาสนา วุฒิสภา มีหน้าที่ในการกระทำกิจการ การสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและรายงานให้สภาทราบเพื่อเสนอให้ฝ่ายบริหารดำเนินการแก้ไข ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็ได้แก้ปัญหาไปได้หลายเรี่องที่สำคัญและถือเป็นบุญใหญ่ที่ผมเคย “เล่าสู่กันฟังไป” แล้ว ซึ่งถ้าจำกันได้เป็นเรื่อง “ทุกข์” ของพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบทั่วประเทศซึ่งได้รับอนุญาตให้อาศัยในที่ของทางราชการและได้ช่วยปกป้องดูแลรักษาป่าให้เป็นอย่างดี แต่วันดีคืนดีกระทรวงทรัพย์ฯ (ทส.) มาอ้างมติ ครม. ปี 2556 เพื่อมาเก็บเงินจากพระเป็นค่าปลูกป่าฯ ไร่ละ 10,960 บาท และปรับเป็น 11,360 บาท ทำให้พระทั่วประเทศกว่าแปดพันแห่งเป็นทุกข์อย่างใหญ่หลวง เพราะบางแห่งที่เป็นพุทธอุทยานกว่าพันไร่ จะต้องหาเงินมาให้ ทส. กว่า 11 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ผมใช้เวลากว่า 2 ปี ทั้งลงพื้นที่เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งกระทู้ถาม รมว.ทส. ทั้งกระทู้แห้ง (หนังสือ) และสด (วาจา) ในที่สุด ครม. มีมติยกเว้นค่าปลูกป่า เมื่อ สิงหาคม 2565 ทำให้ทุกข์ของพระหมดไปได้ถือเป็นบุญใหญ่ที่เราช่วยกันสร้างครับ

แต่เนื่องจากยังมีเรื่องเร่งด่วนที่เป็นทุกข์ใหญ่ของพระอีกคือ ท่านมักจะถูกพวกมารศาสนาไปหลอกลวงแสวงหาผลประโยชน์จากท่าน โดยที่ท่านรู้เท่าไม่ถึงการ เพราะอาจขาดความรู้ความเข้าใจหรือที่ปรึกษาโดยเฉพาะด้านกฎหมาย ทำให้ท่านต้องไปฟ้องหรือ ถูกฟ้องคดีทั้งทางแพ่งและอาญา บางท่านจำต้องสละสมณะเพศเสียพระดีไป ก่อให้เกิดความเสียหายต่อท่านและศาสนา กระทบต่อจิตใจของศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเรื่องนี้ อนุ กมธ.ฯ โดย กมธ.ด้านการศาสนาฯ วุฒิสภา ได้เคยมีหนังสือที่ สว (กมธ ๓) ๐๐๑๙/๒๑๘ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๔ เรียน ผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ (ผอ.พศ.) เรื่อง การจัดตั้งศูนย์กฎหมายเพื่อคณะสงฆ์หรือศูนย์ปกป้องคุ้มครองพระสงฆ์ ต่อมาพศ.ได้นำเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคมในการประชุมครั้งที่ 11/2564 เมื่อ 30 เมษายน 2564 มีมติที่ 272/2564 เห็นชอบให้ พศ. จัดตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าว เชื่อว่าขณะนี้ พศ. คงกำลังเร่งรัดจัดตั้งกันอยู่ครับ

แต่ในระหว่างที่รออยู่นี้ด้วยความไม่สบายใจของผม เพราะปรากฏว่ายังมีข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้ปรากฏอยู่เนืองๆ ผมจึงเห็นว่า สภาทนายความฯ จะแก้ปัญหาได้เร็วกว่าเพราะมีทนายความกว่า 8,000 คน เป็นสมาชิกกระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ น่าจะเป็นเจ้าภาพหลักในการช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้ ผมจึงได้หารือและขอเข้าพบ ดร.วิเชียร ชุบไทสง นายกสภาทนายความฯ ที่สภาทนายความฯ เมื่อ 5 ม.ค. 66 ซึ่งท่านและคณะมีความยินดี รับเป็นเจ้าภาพหลักในเรื่องนี้ แต่เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและครอบคลุมทุกศาสนาที่ทางราชการให้การรับรอง จึงควรมีบันทึกข้อตกลง (MOU) เอาไว้เป็นหลักฐาน

ดังนั้นในวันที่ 14 ก.พ. 66 ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก เป็นวันมงคล ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ในการสร้างบุญใหญ่อีกวันหนึ่ง กมธ.ฯ จึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทั้ง สมาชิกวุฒิสภา นายกสภาทนายความ ผอ.พศ. อธิบดีกรมการศาสนาและคณะ พร้อมผู้แทนจากทุกศาสนา มาร่วมใจกันเป็นสักขีพยานและลงนามในบันทึก ”ข้อตกลงความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายแก่พระภิกษุและผู้นำศาสนาที่ทางราชการให้การรับรอง” ณ อาคารวุฒิสภา ถือเป็นบุญใหญ่อีกบุญหนึ่งที่ขอมอบให้กัลยาณมิตรทุกท่านได้ร่วมกันอนุโมทนา สาธุกัน ขออานิสงส์แห่งบุญนี้โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง พบแต่ความสุข ความสำเร็จ ศัตรูคิดร้ายขอให้แพ้พ่ายเทอญ…สาธุ สาธุ สาธุ

อย่างไรก็ดีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับศาสนายังมีอยู่อีกหลายประการ ซึ่งทาง กมธ.ฯ โดยอนุ กมธ.ฯ ได้พยายามศึกษาและได้เคย มีหนังสือที่ สว(กมธ ๓)๐๐๑๙/๒๒๑๘ ลงวันที่ ๑๐ ก.ย.๒๕๖๔ เรื่อง ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา เรียน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาศาสนาแห่งชาติ ไปกว่า 10 ประเด็น อาทิเช่น การจัดทำฐานข้อมูลพระที่เคยกระทำผิดวินัยโดยเฉพาะขาดจากความเป็นพระต้องอาบัติปาราชิก เพื่อไม่ให้กลับมาบวชได้อีก การแต่งตั้งเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาส รองผู้ช่วยเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร เพื่อป้องกันมิให้แสวงหาผลประโยชน์จากวัดและเกิดความขัดแย้งกันอีก การแก้ปัญหากรณีพระภิกษุสามเณรแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงมาบวชในพระพุทธศาสนาเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นต้น ซึ่งผมเองก็ได้พยายามยื่นกระทู้สดถึงท่านรัฐมนตรี เพื่อสอบถามความคืบหน้าจำนวน 5 ครั้งติดต่อกัน แต่ท่านคงติดราชการไม่มาตอบ ผมตั้งใจว่าจะยื่นกระทู้สดต่อไปอีกจนกว่าจะปิดสมัยประชุม ก็คงจะต้องหาทางเร่งรัดผู้รับผิดชอบให้รีบดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วนต่อไปครับ