นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ ร่วมกับ นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะหัวหน้าศูนย์บริหารสถานการณ์วิกฤตกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ ศูนย์ CMC : Crisis Management Center เพื่อติดตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของ บริษัท ลูเมนตั้ม อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จ.ปทุมธานี ว่า บริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจผลิตอุปกรณ์สำหรับโครงข่ายโทรคมนาคม อุปกรณ์ไฮเทคเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ เลเซอร์ และเซ็นเซอร์สามมิติ มีแรงงานจำนวน 1,800 คน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามหลักการจัดการโควิด-19 ในโรงงาน อย่างมีส่วนร่วม หรือบับเบิล แอนด์ ซีล โดยดำเนินการตรวจคัดกรองคนก่อนเข้าปฏิบัติงานทุกสัปดาห์ ปรับลดจำนวนบุคลากรในโรงงาน ให้พนักงานส่วนใหญ่ทำงานที่บ้าน และให้พักอาศัยอยู่ใกล้เคียงโรงงาน จัดสถานที่ทางเดินและการรับประทานอาหารให้มีการเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ได้จัดเตรียมอาหารเพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อของพนักงาน นอกจากนี้ยังได้สร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานด้วยการแจกรางวัลให้กับแผนกที่สามารถป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อได้ สำหรับบุคลากรที่เข้าทำงานจะต้องตรวจด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ร่วมกับ RT-PCR เมื่อผลเป็นบวกเพื่อยืนยันว่าติดเชื้อจริง โดยบริษัทได้ประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาครัฐมาตลอด ทั้งการนำผู้ติดเชื้อไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม การประสานฉีดวัคซีนพนักงานอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้โรงงานฯ ได้ดำเนินการตรวจด้วยวิธี RT-PCR ให้กับพนักงานครบทุกคนแล้ว และจะใช้การตรวจด้วยชุดตรวจ ATK เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจอีกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งจะปฏิบัติตามมาตรการนี้ต่อไปอย่างเข้มข้นถึงเดือน ก.ย. 64 หรือจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปรกติ
“บริษัท ลูเมนตั้ม อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ถือเป็นแบบอย่างโรงงานที่ใช้แนวทาง Bubble and Seal ในการปฏิบัติและได้ผลดี เพราะไม่พบผู้ติดเชื้อมาพักใหญ่ และยังสามารถรับพนักงานใหม่เพิ่มเติมได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงในการติดเชื้อในสถานประกอบการน้อยมาก และบริษัทฯ ยังได้เข้าประเมินตนเองในแพลตฟอร์ม Thai Stop Covid (TSC) และได้ถูกสุ่มตรวจประเมิน (Onsite) ถือเป็นโรงงานที่เป็นกรณีศึกษาและเป็นตัวอย่างที่ดีและจริงๆ แล้ว ยังมีอีกหลายโรงงานที่มีแนวทางที่มีประสิทธิภาพสามารถนำมาเป็น Best Practices เพื่อขยายผลเป็นต้นแบบต่อไปได้ เนื่องจากปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และมาตรการรัฐอย่างเข้มข้น”
ทั้งนี้ จากข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชี้ให้เห็นว่าโรงงานที่เข้าประเมิน TSC แล้วมีแนวโน้มการติดเชื้อโควิดน้อยกว่าโรงงานที่ไม่ได้เข้าประเมินถึง 4.5 เท่า ถือว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงงาน ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดทำแผนตรวจประเมินสถานประกอบการเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแนะนำมาตรการ Good Factory Practice ให้กับโรงงานทุกขนาดทั่วประเทศ 1,805 โรงงาน ขณะนี้ตรวจแล้ว 1,583 โรงงาน คิดเป็น 88% โดยเพิ่มขึ้นในกลุ่มโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็ก และโรงงานที่ยังไม่ประเมินตนเองมากขึ้น ในแพลตฟอร์ม TSC เพื่อเชิญชวนให้เข้าประเมินตนเองและการให้คำแนะนำการทำ Bubble and Seal