นางรินทร์ลิตา ศรีโรจนภิญโญ หัวหน้าฝ่ายการตลาด อีเบย์ ประเทศไทย ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ระดับโลก เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทั่วโลก ทำคนต้องอยู่ในบ้านมากขึ้น จึงหันมาเลือกซื้อของออนไลน์ ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกกลับมีศักยภาพการเติบโต ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 64 อีเบย์มีผู้ซื้อทั่วโลกมากกว่า 159 ล้านคน และมีผู้ขายกว่า 19 ล้านคนลงขายสินค้ามากกว่า 1,500 ล้านรายการ โดยมียอดการใช้จ่ายมากกว่า 22,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 730,000 ล้านบาท โดยความต้องการสินค้าเฉพาะกลุ่มในอีเบย์นั้นเพิ่มขึ้นสูงมากในปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะการ์ดสะสม เช่น การ์ดกีฬา การ์ดเกม และการ์ดโปเกมอน ที่มีการขายไปแล้วมากกว่า 45 ล้านใบในปี 63 หรือขายออกสูงถึงกว่า 90 ใบใน 1 นาที ส่วนกลุ่มสินค้าที่ขายดี ได้แก่ กลุ่มอะไหล่ยนต์ อุปกรณ์วิดีโอเกม รองเท้าผ้าใบ และของสะสมลักซ์ชัวรี 

สำหรับในไทย มีผู้ลงสินค้าขายในอีเบยอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าจากประเทศไทยที่ขายดีตลอดกาล ได้แก่ 1. จิวเวลรี่ เพชรพลอย นาฬิกาหรู  2. อะไหล่ยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และ 3. สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม  โดยสินค้าที่เป็นเทรนด์มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ อะไหล่รถจักรยานยนต์  จิวเวลรี่แบบมีพลอยประดับ เพชรแบบเป็นเม็ดที่มีใบรับรอง  ผลิตภัณฑ์ดูแลและจัดแต่งเส้นผม และ  ต้นไม้ตกแต่งบ้าน ฯลฯ โดยเติบโตถึง 30% ซึ่งตลาดสำคัญของนักขายคนไทยก็คือ สหรัฐ อังกฤษ เยอรมนี และ ออสเตรเลีย ฯลฯ

นางรินทร์ลิตา กล่าวต่อว่า อีเบย์ยังมีนโยบายส่งเสริมผู้ขายคนไทย จึงได้ เปิดโครงการ อีเบย์ เน็กซ์เจน (eBay NextGen) ขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้สนใจขยายธุรกิจไปต่างประเทศ แต่ยังไม่เคยขายบนอีเบย์มาก่อน ได้เข้าร่วมโครงการ โดยมีสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น สามารถลงขายสินค้าในหมวดหมู่ขายดีราคาสูงได้ทันที ฟรีค่าธรรมเนียมเปิดร้าน นาน 3 เดือน ฟรีค่าโฆษณาสินค้า สูงสุดไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และทีมที่ปรึกษามืออาชีพจากอีเบย์ รวมถึง คำแนะนำในการใช้คลังสินค้าในต่างประเทศ การขนส่งสินค้า ฯลฯ

พร้อมจัดเทรนนิ่งให้ความรู้ และพัฒนาระบบชำระเงิน แบบใหม่ของอีเบย์ ที่มีชื่อว่า อีเบย์แมเนจเพย์เมนต์ “อีเบย์เอ็มพี” (eBay Managed Payment หรือ eBay MP) ให้กับผู้ใช้ทั่วโลก เพื่อให้ผู้ซื้อมีช่องทางชำระเงินมากขึ้น และเป็นศูนย์รวมให้ผู้ขายจัดการการขายและรับชำระค่าสินค้าได้เบ็ดเสร็จในที่เดียว ซึ่งข้อมูลสิ้นสุด ณ ไตรมาสที่สองของปี 64 แสดงให้เห็นว่า มีผู้ขายกว่า 13 ล้านคนรวมถึงผู้ขายชาวไทยส่วนใหญ่ ได้เปลี่ยนระบบมาใช้งาน “อีเบย์เอ็มพี” แล้ว และกว่า 80 % ของปริมาณการซื้อขายทั่วโลกที่ผ่านแพลตฟอร์ม ก็ดำเนินการผ่านระบบ “อีเบย์เอ็มพี” ซึ่งช่วยผู้ขายลดปัญหาจากการที่ผู้ซื้อค้างชำระค่าสินค้า โดยนับตั้งแต่ใช้งาน “อีเบย์เอ็มพี” เป็นต้นมา 99% ของการซื้อขายแบบกำหนดราคาตายตัวได้รับการชำระก่อนจัดส่ง สำหรับในส่วนของเรื่องภาษีอี-เซอร์วิสที่ภาครัฐจะเริ่มเก็บ 1 ก.ย. ทางอีเบย์พร้อมปฏิบัติตามกฎหมายและมีระบบรองรับแล้ว

ทั้งนี้ โครงการ “eBay NextGen” เปิดรับผู้ประกอบกิจการทุกขนาด จากทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย และผู้ขายปลีกทั้งร้านค้าออนไลน์ และร้านค้าออฟไลน์ประเภทนิติบุคคล หรือผู้ที่มีทะเบียนพาณิชย์ที่ยังไม่เคยค้าขายบนอีเบย์ สมัครเข้าร่วมโครงการหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ebaythailand.co.th/eBayNextGen ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. 64 – 30 พ.ย. 64