เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับละคร “สองเสน่หา” ผลงานชิ้นล่าสุดของพระเอกหนุ่ม เจมส์ มาร์ ในบท “วาริธ” ผู้ชายที่เข้าใจชีวิต รู้ทันคน แต่ต้องมาพัวพันกับพี่น้องฝาแฝดที่ชีวิตต่างกันสุดขั้วอย่าง “เดือนหยาด” พี่สาวผู้ขาดความรัก ทั้งยังเห็นแก่ตัว และ “พิลาสลักษณ์” น้องสาวผู้สดใส และเป็นที่รักของคนรอบข้าง ด้วยความรู้สึกชัดเจนที่มีต่อ “พิลาสลักษณ์” ทำให้หลายคนเคลิ้มไปกับความเป็นสุภาพบุรุษของเขา “ปักหมุดกองถ่าย” วันนี้ จะพาไปพูดคุยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ กับพระเอกสุดฮอตที่กำลังกอบโกยหัวใจสาว ๆ ทั้งประเทศมาดูกันว่าผู้หญิงแบบไหนที่จะทำให้ เจมส์ ตกหลุมรักได้
“…ผมชอบผู้หญิงที่ตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ความเก่งเหล่านี้ทำให้เขามีเสน่ห์ที่น่าสนใจ แล้วเราก็ภูมิใจกับเขาไปด้วยครับ…”
Q : กลับมาร่วมงานกับ “คิม-คิมเบอร์ลี่” อีกครั้งเป็นยังไงบ้าง ?
เจมส์ : อันดับแรกคือดีใจครับ ลึก ๆ ผมอยากกลับมาร่วมงานกับ “คิม” อยู่แล้ว พอได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ผมว่าทำให้การทำงานสนุกและราบรื่นขึ้นครับ ด้วยความที่เราสนิทกันอยู่แล้ว ซึ่งในละคร “สองเสน่หา” ทุกอย่างจะโตขึ้น เลยทำให้เรารู้สึกสบายใจและสนุกที่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครับ”
Q : คาแรคเตอร์ของ “วาริธ” เป็นแบบไหน ?
เจมส์ : ในเรื่อง “วาริธ” จะอายุมากกว่าผม ฉะนั้นทุกอย่างจะต้องโตขึ้น หลายคนก็บอกว่าชอบลุคแบบนี้ เพราะฉลาดรู้ทันคน เราต้องพยายามคีพทุกอย่างให้โตขึ้นซึ่ง “คุณวาริธ” เขารู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร และชัดเจนว่าชอบ “พิลาสลักษณ์” ไม่ได้ชอบ “เดือนหยาด” ซึ่งฟีดแบคสำหรับผมถือว่าดีมาก ๆ ครับ”
Q : การเล่นกับแฝดเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องที่แล้วยังไง ?
เจมส์ : ผมว่ามีความคล้าย ๆ กัน คือ ถ่ายหลายรอบ เปลี่ยนหน้า เปลี่ยนผม ซึ่งเราเคยเล่นมาแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ คนที่ไม่เคยถ่ายก็อาจจะรู้สึกว่านานหน่อย แต่เรารู้สึกเฉย ๆ ด้วยความที่คิมค่อนข้างเล่นชัดเจนทั้งสองตัวละคร ถ้าวันไหนเขาเป็น “พิ” เขาก็จะเป็น “พิ” 100 เปอร์เซ็นต์ ต่อให้วันนั้นเราถ่ายฉาก “เดือนหยาด” กับ “พิลาสลักษณ์” ต่อกัน ตอนที่ถ่ายฉาก “เดือนหยาด” เราอาจจะไม่ชอบเขาอยู่ แต่พอผมเข้าฉากกับ “พิลาสลักษณ์” ด้วยความที่ “คิม” เขาเปลี่ยนตัวเองได้ง่ายมาก เลยทำให้เราไม่ต้องรับมืออะไรมากครับ”
Q :ผู้หญิงหลายคนเคลิ้มไปกับความเป็นสุภาพบุรุษและความชัดเจนของคุณวาริธ ?
เจมส์ : ผมว่าเขาเป็นตัวละครที่มีอยู่จริงในชีวิตประจำวัน คือ พยายามทำทุกอย่างให้ดี อาจจะไม่ได้เพอร์เฟคตลอดเวลา แต่ว่าเขาก็จริงใจกับคนรอบข้าง และคอยให้ความช่วยเหลือ ด้วยความที่ชีวิตเขาไม่ได้เพอร์เฟค พอเจอปัญหาไม่ว่าจะเรื่องความรักหรือการงาน เขาก็พยายามทำให้ทุกอย่างดีเสมอไปครับ(ยิ้ม)”
Q : มีฉากกุ๊กกิ๊กกับ “คิม-คิมเบอร์ลี่” ให้ฟินด้วย ?
เจมส์ : ก็แอบมีเยอะเหมือนกัน(ยิ้ม) ตามบท “วาริธ” ค่อนข้างโตกว่า “พิลาสลักษณ์” อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้น “พิลาสลักษณ์” ก็จะหลงกล “วาริธ” ง่าย แต่จะเป็นความกุ๊กกิ๊กแบบผู้ใหญ่จีบเด็กครับ”
Q : ต้องขออนุญาตแฟนตัวจริงอย่าง “หมาก-ปริญ” ก่อนไหม ?
เจมส์ : ไม่ต้องขออนุญาตใครครับ เพราะเป็นการทำงาน ผมว่าให้เขาไปขออนุญาตกันเองดีกว่า(หัวเราะ) คือ ผมเห็นรีแอคที่ “พี่หมาก” นั่งดูฉากจูบของ “วาริธ” กับ “พิลาสลักษณ์” แล้ว ผมว่า “พี่หมาก” มีรีแอคกับทุกฉากเลยนะ เป็นธรรมดาของคู่เขาที่จะมีฟีลลิ่งอย่างนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมว่าน่ารักดีครับ”
Q : ผู้ชมจะได้อะไรจากการดูละครเรื่องนี้ ?
เจมส์ : นอกจากความบันเทิงแล้ว ผมว่าคนดูอาจจะได้เห็นถึง เบื้องหลังการทำงานของนักแสดง ทั้งการเตรียมตัว หรือสัมภาษณ์สื่อ จะได้เห็นว่านักแสดงก็เป็นคนธรรมดา ที่มีปัญหาสุขภาพ ปัญหาชีวิต ปัญหาครอบครัว เหมือนกับคนทั่วไป แล้วทุกคนจะได้ยินคำว่า “ทางเลือก” ในละครค่อนข้างบ่อย เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าทุกคนมีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตให้กับตัวเองเสมอ ถ้าเลือกทางที่ดี ชีวิตก็จะดีขึ้น แล้วทุกคนก็มีโอกาสที่จะปรับปรุงด้วยครับ”
Q : รีวิวชีวิตในวงการ ?
เจมส์ : ผมเข้าวงการมาประมาณ 7-8 ปีแล้ว ได้ทำงานที่ทำให้คนดูและเป็นตัวอย่างให้คนที่ติดตามเรา เวลาทำงานเราก็ตั้งใจ และใช้โอกาสที่เหมาะกับเราให้ดีที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่ทำตัวเองให้ดีที่สุดด้วย ผมถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จ เราก็ทำทุกอย่างครบ ตามที่ผู้ชายคนนึงจะต้องทำ รวมถึงการมีงานที่มั่นคง สามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้ มีผลงานที่ทุกคนชื่นชอบ และแฮปปี้กับเส้นทางที่เราทำมาตั้งแต่แรกครับ”
Q : มีมุมดื้อหรือซนไหม ?
เจมส์ : ผมว่าทุกคนต้องมีอยู่แล้ว ที่อยากจะทำอะไรที่ไม่เคยทำ ตัวผมเป็นคนที่มองข้ามเรื่องพวกนี้ได้ดี สมมติว่าอยากทำอะไรบางอย่าง แล้วงอแงเพราะไม่ได้ทำ เราก็จะหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ทำสิ่งนั้นได้ เหมือนเป็นคนว่านอนสอนง่าย แต่จริง ๆ ต้องโน้มน้าวตัวเองพอสมควรครับ(หัวเราะ)”
Q : แฟน ๆ อยากเห็น “เจมส์” มีแฟนสักที ?
เจมส์ : ผมก็อยากเห็นครับ(หัวเราะ) แต่ว่าเป็นเรื่องที่ผมยังไม่ได้รีบครับ การที่เราจะเจอใครสักคน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ เป็นความบังเอิญ ที่ทำให้ความรู้สึกเราเปลี่ยนไปในช่วงนั้น ผมเป็นคนเชื่อเรื่องพรหมลิขิต ไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว ถ้าเราจะทำอะไรสักอย่างหรือเจอใครสักคนก็เป็นพรหมลิขิตหมด เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าความรักก็ควรจะเป็นเรื่องของพรหมลิขิตเช่นกันครับ”
Q : ผู้หญิงแบบไหนที่จะทำให้เราตกหลุมรัก ?
เจมส์ : ก็ผู้หญิงปกตินี่แหละครับ ที่จริงใจเป็นคนดี แล้วก็มีเสน่ห์ในการทำอะไรที่เขาเชื่อ ผมจะชอบผู้หญิงที่ตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรัก สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ขึ้นมา ยกตัวอย่างคนที่ชอบวาดรูป ก็วาดรูปไปขึ้นแสดงให้พิพิธภัณฑ์เลย ความเก่งเหล่านี้ทำให้มีเสน่ห์ที่น่าสนใจ แล้วเราก็ภูมิใจกับเขาไปด้วยครับ(ยิ้ม)”
Q : มีมุมมองเรื่องความรักยังไง ?
เจมส์ : “ผมว่าความรักคือธรรมชาติ เวลาที่เราเกิดมา เรามีพ่อแม่ เราเจอเพื่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นจากธรรมชาติหมด ถ้าเกิดว่าเราจะมีความรักแบบแฟน หรือแบบคู่ชีวิต ผมเชื่อว่าก็ต้องเป็นความรักที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ การที่เราจะเจอใครสักคน เกิดขึ้นจากธรรมชาติ เป็นความบังเอิญ ที่ทำให้ความรู้สึกเราเปลี่ยนไปในช่วงนั้น ผมเป็นคนเชื่อเรื่องพรหมลิขิต ผมดูเหมือนแบบว่า(ยิ้ม) แต่ผมเชื่อแบบนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็คือพรหมลิขิตให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว ถ้าเราจะทำอะไรสักอย่างหรือเจอใครสักคนก็เป็นพรหมลิขิตหมด เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าความรักก็ควรจะเป็นเรื่องของพรหมลิขิตเช่นกัน”
Q : แล้วมีภาพการใช้ชีวิตครอบครัวในอนาคตบ้างไหม ?
เจมส์ : ในอนาคตถ้าจะมีครอบครัว มีลูก คงอยากให้ครอบครัวอบอุ่น และเป็นคุณพ่อที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูแลคุณพ่อคุณแม่ ดูแลคนที่เรารักให้ดีที่สุดเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ณ ตอนนี้อาจจะยังไม่ชัดเจน เพราะเราก็ยังไม่รู้ว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ ก็หวังว่าจะมีภาพนั้นเกิดขึ้นในอนาคต และทุกคนจะได้เห็น รอดูด้วยนะครับ(ยิ้ม)”
Q : ทำอะไรแฟนคลับก็คอยซัพพอร์ตเสมอ ?
เจมส์ : ผมว่าเป็นเรื่องที่พิเศษนะครับ ที่จะมีคนมาซัพพอร์ตมานานขนาดนี้ ต้องขอบคุณพวกเขา อยากบอกว่าคิดถึงและรักทุกคนมาก ๆ ยิ่งสถานการณ์โควิด-19 ยิ่งทำให้เห็นได้ชัด ขนาดเราไม่เจอกัน เราไม่ได้พูดคุยกันนานมาก เขาก็ยังไม่ไปไหว รู้สึกเป็นอะไรที่พิเศษ ปกติผมเป็นคนที่เจอกับแฟนคลับบ่อย เวลาไปอีเว้นท์ เวลาไปต่างจังหวัด พอเราออกอีเว้นท์เสร็จก็จะไปกินข้าว ถ่ายรูปกับแฟนคลับตลอด เราเชื่อในการให้ เราอยากให้เขาได้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้ ในเวลาที่เรามีให้กับเขา เชื่อว่าวันนึงทุกคนอาจโตขึ้น ต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ ณ ตอนนี้ในเวลา 5-10 ปี ที่เราเจอกันได้ หรือ เราให้เขาได้เต็มที่เราก็รู้สึกดี ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้เจอกัน แต่ผมก็ยังรู้สึกดีที่ว่าที่ผ่าน ๆ มาผมได้เจอเขาเยอะครับ”
Q : สำหรับเราเปรียบแฟนคลับคืออะไร ?
เจมส์ : พวกเขาคือครอบครัว เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง คือ แซวได้คุยได้ ถามได้ปรึกษาได้ถ้ามีโอกาสเจอกัน ผมว่าถ้าเราให้ความสำคัญกับเขาแบบนั้น เขาก็จะให้ความสำคัญกับเราแบบคนในครอบครัว คนที่ใกล้ชิดเหมือนกัน สุดท้ายผมว่าคนเราก็ให้กันได้แค่นี้แหละครับ ให้ความเป็นเพื่อน ความจริงใจซึ่งกันและกัน เท่าที่เราจะให้ได้ครับ”
Q : ฝากละครกับแฟน ๆ ?
เจมส์ : สำหรับทุกคนที่ติดตามกันมาตลอด ละครเรื่องนี้อาจจะมีความดราม่าหลาย ๆ อย่างในตัวละคร ที่คนไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นความไม่ชัดเจนของ “คุณวาริธ” ในช่วงก่อนหน้านี้ ที่ยังไม่หย่ากับภรรยาเก่า แล้วยังจะมาจีบ “พิลาสลักษณ์” อีก หรือว่าความร้าย ความเห็นแก่ตัวของ “เดือนหยาด” ก็อยากจะฝากติดตามต่อไปจนจบ เพราะแต่ละตัวละครมีความสุดในแต่ละคาแรคเตอร์ เหมือนตัว “คุณวาริธ” ที่ไม่ได้เพอร์เฟค แต่ก็พยายามทำชีวิตให้เพอร์เฟค ก็ฝากละครเรื่อง “สองเสน่หา” ด้วยครับ”
สุภาพบุรุษทั้งในจอและนอกจอขนาดนี้ มิน่าล่ะหนุ่มเจมส์ถึงได้เป็นสามีแห่งชาติ ที่กอบโกยหัวใจของสาว ๆ ทั้งประเทศ.
อิญรัตน์ กลิ่นหอม : เรื่อง
ติดตามคลิปสัมภาษณ์ของหนุ่มได้ที่ Youtube ช่อง Dailynews Live-TH และติดตามข่าวสารในวงการบันเทิงต่าง ๆ ทาง www.dailynews.co.th รวมถึงทุกแพลตฟอร์มของ Dailynews