สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ว่านางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวถ้อยแถลงแสดงวิสัยทัศน์ ระหว่างการเยือนสิงคโปร์ เมื่อวันอังคาร มีเนื้อหาในตอนหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ซึ่งโยงใยโดยตรงกับทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ใช่ว่าทุกประเทศในแถบนี้จะมีข้อพิพาทโดยตรงกับจีนในเรื่องดังกล่าว แต่แฮร์ริสมองว่า รัฐบาลปักกิ่ง "ยังคงเดินหน้านโยบายบังคับขู่เข็ญ" กับประเทศซึ่งมีชายฝั่งติดกับทะเลจีนใต้ เพื่ออ้างกรรมสิทธิ์ทั้งหมดเหนือทะเลแห่งนี้
The White House
แฮร์ริสกล่าวต่อไปว่า การแสดงท่าทีและการดำเนินการของจีนในเรื่องนี้ ไม่เพียงเป็นการละเมิดมติของคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ จากกรณีพิพาทกับฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2559 แต่ในเวลาเดียวกัน ยังถือเป็นการบ่อนทำลายระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องในระดับสากล และยังเป็นการคุกคามอธิปไตยของทุกประเทศในภูมิภาคแห่งนี้ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า รัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโจ ไบเดน "ยืนหยัดเคียงข้างกับพันธมิตรและหุ้นส่วน" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการเผชิญหน้ากับ "ภัยคุกคามทุกรูปแบบ" จากจีน
นายกรัฐมนตรีลี เซียง ลุง ผู้นำสิงคโปร์ พบหารือกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่ทำเนียบอิสตานา
ทั้งนี้่ เป็นที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า รัฐบาลไบเดนสานต่อนโยบายจากรัฐบาลชุดที่แล้วของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในแทบทุกมิติที่เกี่ยวกับจีน ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบันกล่าวว่า "จีนคือหนึ่งในปรปักษ์ที่สำคัญ" และอเมริกาต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการเผชิญหน้าและตอบโต้ "การล่วงละเมิดทางเศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชน และทรัพย์สินทางปัญญา" ของจีน ตลอดจนการต้องผลักดันให้รัฐบาลปักกิ่ง "รักษาธรรมาภิบาล"
อย่างไรก็ตาม นายเซี่ย เฟิง รมช.การต่างประเทศของจีน กล่าวระหว่างการพบหารือกับนางเวนดี เชอร์แมน รมช.การต่างประเทศสหรัฐ ที่เทศบาลนครเทียนจิน เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าการซ่อมแซมและฟื้นฟูความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี จะยังไม่มีทางคืบหน้าไปถึงไหน ตราบใดที่สหรัฐยังคง "จินตนาการว่าจีนเป็นศัตรู".

เครดิตภาพ : AP