ทำเอาชาวเน็ตถึงกับสะพรึงไปตามกัน ภายหลังจากที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ม.ค. แฟนเพจ “โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน (Hospital for Tropical Diseases)” ได้ออกมาเผยข้อมูล ระบุว่า “สายซอยจุ๊ เนื้อดิบต้องระวัง “ถ้าเลิกได้เลิก เลิกไม่ได้ก็จะมีตืดวัวในลำไส้แบบนี้” นี่คือภาพพยาธิตืดวัว ที่พบจากคนไข้ที่ทานเนื้อดิบเป็นประจำ”

ในการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ โดยคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งปีนี้เดินทางมาในพื้นที่โรงเรียน ตชด.กามาผาโด้ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก วันที่ 16-20 ม.ค. 2566

ทั้งนี้ ทางกรมควบคุมโรค ได้ออกมาเผยถึง “โรคพยาธิตัวตืดวัว-ควาย” ระบุว่า เกิดจากการกินตัวอ่อนพยาธิเรียกว่า เม็ดสาคูในเนื้อ ตัวอ่อนเจริญเป็นตัวเต็มวัยในลำไส้ รูปร่างคล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ยาว 5-10 เมตร อาจยาว 25 เมตร มี 1,000-2,000 ปล้อง ปล้องสุกจะหลุดออกมา 3-4 ปล้องกับอุจจาระ หรือคืบคลานออกจากทวารหนักในแต่ละวัน อายุอยู่ในลำไส้คน 10-25 ปี พยาธิจะแย่งอาหารในลำไส้ คนติดโรคจะมีอาการหิวบ่อย ปวดบริเวณลิ้นปี่ ไม่สบายท้อง อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน บางครั้งท้องร่วง ท้องผูก น้ำหนักตัวลดลง ปล้องสุกที่หลุดออกมาอาจเข้าไปไส้ติ่ง ทำให้ไส้ติ่งอักเสบได้

สำหรับวิธีป้องกัน “โรคพยาธิตัวตืดวัว-ควาย” ให้ใช้หลักมาตรฐานอาหารปลอดภัย ควรจะเลือกซื้อเนื้อวัว-ควาย ที่ผ่านการตรวจจากโรงฆ่าสัตว์แล้วเท่านั้น รับประทานอาหารต้ม ปิ้งย่าง เนื้อสัตว์ให้สุกอย่างทั่วถึง โดยยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” สุกด้วยความร้อน หรือผ่านการทำลายตัวอ่อนพยาธิ เช่น ฉายรังสี หรือเก็บเนื้อไว้ในตู้เย็น -20 องศา นานเกิน 12 ชั่วโมง..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน (Hospital for Tropical Diseases), @กรมควบคุมโรค