เรียกว่าต้องใช้พลังขั้นสุดเลยทีเดียว เมื่อนางเอกสาว คิม-คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส ต้องมาถ่ายทอดคาแรกเตอร์ สองพี่น้องฝาแฝดที่ต่างกันสุดขั้ว อย่าง “เดือนหยาด” แฝดพี่ที่ร้ายเข้าขั้นโรคจิต และ “พิลาสลักษณ์” แฝดน้องที่แสนดี ในละคร “สองเสน่หา” ทางช่อง3 งานนี้สาวคิมยอมรับเองเลยว่าเครียด รู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองจะแตกให้ได้ วันนี้ ดาวต่างมุม มีโอกาสสัมภาษณ์สาวคิม เลยต้องให้เล่าถึงความท้าทายของการพลิกบทบาทในครั้งนี้ พร้อมพูดคุยเรื่องความรักกับหนุ่ม หมาก-ปริญ สุภารัตน์ พระเอกในชีวิตจริง ที่เจ้าตัวมั่นใจแล้วว่าคนนี้แหละที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนแก่ พร้อมยกให้เป็นหัวหน้าครอบครัวในอนาคตอีกด้วย
“…การที่มีเขาอยู่ในชีวิต ก็เหมือนมาเติมเต็ม เราอยากให้เขาเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำครอบครัว ก็ต้องแชร์ความคิดเห็นกันบ้าง แต่เรื่องแต่งงาน คิมรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องรีบค่ะ…”
Q : คนดูเซอร์ไพร้ส์มากกับการพลิกบทบาทของ “คิม” ใน “สองเสน่หา” ?
คิม : ก็ดีใจที่ฟีดแบคออกมาดี คนค่อนข้างชื่นชม แฟน ๆ บอกว่าชอบ เพราะไม่เคยเห็นคิมเล่นสุดแบบนี้มาก่อน จากที่มีคนเกลียด “เดือนหยาด” มาก ๆ ก็เริ่ม สงสาร เกลียดไม่ลง ยิ่งดูไปเรื่อย ๆ ก็ได้เห็นความพีค ความจิตของ “เดือน” คือ คนดูเตรียมพาราไว้ได้เลยค่ะ(หัวเราะ) ซึ่งตอนเล่นต้องใช้พลังขั้นสุด ทุกครั้งเวลาที่ “เดือน” โมโหหรือกรี๊ด รู้สึกว่าเส้นเลือดในสมองจะแตกได้เลย(หัวเราะ) เราเครียดโดยไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่คนในกองดูแลดีมาก พอกลับบ้านจะปวดหัวทุกคืนก่อนนอน มีอยู่ 2 ฉาก ที่พอคิมกรี๊ดแล้วหน้ามืดไปเลย แล้วก็แขนชา ร่างกายอาจจะงงด้วยแหละ เป็นอาการเครียดแบบเฉียบพลันค่ะ”
Q : ความน่าสนใจที่ทำให้ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ ?
คิม : คือ คิมไม่เคยเล่นบทแฝดมาก่อน พออ่านบทแล้วแซ่บดี รู้สึกว่าท้าทาย “เดือนหยาด” ถือว่าเป็นบทที่ยากที่สุดในชีวิตของคิมเลยค่ะ หลาย ๆ อย่างที่เราคิดว่าจะเล่นแค่นี้ แต่เวลาถ่ายจริงด้วยคาแรคเตอร์ ฉากต่าง ๆ สามารถทำให้เราไปถึงขีดสุดกว่าที่คิดไว้ ด้วยความที่เขาเป็นคนขี้อิจฉา ขาดความรัก ก็ยิ่งทำให้เขายิ่งเกลียดน้องมากขึ้น เอาจริง ๆ เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขาทำตัวเองหมด ส่วน “พิลาสลักษณ์” ก็จะต่างจากพี่สาวอย่างสั้นเชิง อยู่แต่กับต้นไม้ คิดถึงแต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาไปค่ะ”
Q : บทแฝดยาก แต่ “คิม” ก็แยกคาแรคเตอร์ได้ชัดเจน ?
คิม : บทแฝดยากมากสำหรับคิม ปกติเราจะทำการบ้านแค่คาแรคเตอร์ตัวนึง เราก็จะมีแบคกราวน์ของเขา แล้วค่อยสร้างคาแรคเตอร์ที่เป็นเสน่ห์ของเขา แต่เรื่องนี้เราต้องตีความคาแรคเตอร์ของ 2 ตัวละครไปพร้อมกัน ดีเทลก็เลยเยอะกว่า ทั้งโทนเสียง เสื้อผ้าหน้าผมก็ไม่เหมือนกันแล้ว คือ เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมจะช่วยได้เยอะ เวลาแต่เป็น “เดือน” จะเห็นเลยว่าคนในกองจะมองเราด้วยสายตาเปลี่ยนไป ไม่ใช่หลงเสน่ห์นะคะ เขาเกลียด(หัวเราะ) แต่พอเป็น “พิ” ทุกคนก็จะกล้าเข้ามาเล่นด้วย เพราะว่าตัว “พิ” มีความใกล้เคียงกับ “คิมเบอร์ลี่” มากที่สุดแล้วค่ะ”
Q : เวลาถ่ายทำต้องใช้จินตนาการเยอะมาก ?
คิม : เราเรียนแอคติ้งตั้งแต่ตอนที่เข้าวงการมาแล้ว ก็เลยพอที่จะจินตนาการได้ แต่การจินตนาการที่จะต้องเล่นกับขาตั้งไฟ เป็นอะไรที่ตลก(หัวเราะ) พอเราเห็นสายตาของคนอื่นที่มองเราเล่น เขาตลก เราอยู่กับเขาได้และจินตนาการเห็นหน้าตัวเองได้ บางทีก็รู้สึกเขินเหมือนกัน แต่ก็ต้องทำให้ได้ค่ะ เรื่องนี้คิมเล่นกับกรีนสกรีน เล่นกับโกโบ้ เล่นกับตัวเองค่อนข้างบ่อยค่ะ”
Q : ซีนที่ต้องเค้นอารมณ์ขั้นสุด เล่นยากขนาดไหน ?
คิม : ยากมากค่ะ ต้องใช้พลังงานขั้นสุด อย่างเวลากรี๊ด ปกติเราจะเป็นคนที่เสียงแหลม แต่ที่ยิ่งยากเข้าไปอีก คือกรี๊ดยังไงให้ยังคงเป็นโทนเสียงของ “เดือน” อยู่ ก็ค่อนข้างยากค่ะ ซึ่งคิมต้องรู้จัก “เดือนหยาด” 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ถึงจะถ่ายฉากแบบนี้ได้ค่ะ”
Q :ต้องสลัดคาแรคเตอร์ “เดือนหยาด” ออกจากตัวเรายังไง ?
คิม : โชคดีที่คิมยังไม่ได้เปิดกล้องละครอีกเรื่องนึงทันที เลยมีเวลาที่จะพักผ่อน เพื่อตัวละครนานพอสมควร แต่ก็เคยมีหลุดความเป็น “เดือน” เวลาอยู่ในกอง พอมีอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ เช่น ต้องรอแสง คือ ทุกคนก็ต้องรอเหมือนกัน ก็มีฟึดฟัดบ้าง เราจะหงุดง่ายโดยไม่รู้ตัวค่ะ(ยิ้ม)”
Q : ฉากเลิฟซีนก็ค่อนข้างฮือฮาเหมือนกัน ?
คิม : ฉากเลิฟซีนของ “เดือน” โหดมาก(ยิ้ม) ด้วยความที่เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ผู้ชายทุกคนจะต้องรุม เพราะนางสวย ฉะนั้นเรื่องเลิฟซีนเขาจะเป็น แต่ “พิ” จะเหมือนเบบี๋ ไม่เคยมีความรัก พอ “คุณวาริธ” เข้ามาในชีวิต ก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว เลิฟซีนของ “พิ” ก็จะเป็นแบบสดใส กุ๊กกิ๊ก น่ารักมากกว่าค่ะ”
Q : แฟน ๆ ขำรีแอค “หมาก-ปริญ” ที่เอามือปิดตาดูฉากจูบ ?
คิม : พอดีวันนั้นมีฉากจูบ แล้วหลายคนอยากเห็นรีแอคของ “พี่หมาก” ก็เลยเอามาแชร์ให้ดูกัน จริง ๆ เรื่องเลิฟซีน “พี่หมาก” ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนดูก็เอามือปิดตาข้างนึง คือ ใจนึงก็อยากดู อีกใจก็ไม่อยากดู ซึ่งเราก็จะสะใจตอนนั้นค่ะ(หัวเราะ) คิมว่ายิ่งกว่าเป็นการเอาคืน เพราะเราก็ไม่ได้บอกว่าจะออกมาประมาณไหน บอกแค่ให้เขารอดู “สองเสน่หา” ก่อนค่ะ”
Q : ได้เรียนรู้อะไรจาก “เดือนหยาด” และ “พิลาสลักษณ์”?
คิม : น่าจะเป็นเรื่องความรักของพี่น้อง ที่มีหลากหลายรูปแบบ อยู่ที่แบคกราวน์ว่าพ่อแม่ปลูกฝังลูกยังไง คิมว่าเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงการให้ความรักที่ไม่เท่าเทียมกัน เลยทำให้คนสองคนที่เกิดเวลาเดียวกัน เกิดออกมาในท้องเดียวกัน แต่ว่ามีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วค่ะ”
Q : ชีวิต 10 กว่าปีในวงการของ “คิม” เป็นยังไงบ้าง ?
คิม : คิมรู้สึกว่าเราโตขึ้นเป็นลำดับและมีประสบการณ์มากขึ้น ด้วยความที่เราอยากเป็นนักแสดงอยู่แล้ว ก็เลยแฮปปี้ที่ได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ทุกวัน ได้เห็นอะไรมาเยอะมาก เริ่มเข้าใจหลาย ๆ อย่างมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยได้เล่นหนังเลย และคิดว่าถ้าได้เล่นละครเวทีจะเจ๋งมาก คิมรู้สึกว่าละครเวที น่าจะเป็นจุดสูงสุดของการแสดงแล้ว แต่คิดว่าเราคงทำไม่ได้หรอก แค่นี้ยังพูดบทผิดเลยค่ะ(หัวเราะ)”
Q : เคยมีความรู้สึกว่าการแสดงของเราถึงทางตันบ้างไหม ?
คิม : ความรู้สึกนี้มาเป็นวูบ ๆ นะ คิมเข้าใจเลย ก็มีที่แบบวันนี้เล่นยังไงก็เล่นไม่ได้ ร้องไห้เท่าไหร่ก็ร้องไม่ได้ เหมือนสมองไม่ได้โฟกัส แต่พอรู้ว่าเราเป็นแบบนั้น ก็รีบเปลี่ยน รีบไปทำการบ้าน แต่คิมยังไม่หมดไฟในการทำงานนะคะ ตอนนี้ไฟแรงพร้อมทำงานมากค่ะ คิมไม่ได้ถ่ายละครมาเกือบปีแล้ว ไม่รู้ว่าพอกลับไปจะเล่นได้ไหม (หัวเราะ)”
Q : เป้าหมายในชีวิตตอนนี้ คือ อะไร ?
คิม : อยากให้ละครเปิดกล้องให้เร็วที่สุด อยากกลับไปถ่ายละคร ปีนี้อาจรับถึง 2 เรื่อง แล้วก็อยากให้โควิด-19 จบลงด้วยดี เราจะได้มีความสุขกันทุกคน ได้กลับมาทำสิ่งที่เรารัก และทำทุกอย่างตามที่เราวางแผนไว้ค่ะ”
Q : เรื่องความรักกับ “หมาก” ก็ยังคงหวานไม่มีลด ?
คิม : เราบาลานซ์ได้ดีกว่าสมัยก่อน หลายคนบอกว่าปีที่ 7 เป็นปีอาถรรพณ์ แต่คิมรู้สึกว่าเป็นปีที่ดีที่สุดแล้ว เรามีเวลาได้ทำกิจกรรมด้วยกัน ได้ศึกษาดูใจกันมากขึ้น “พี่หมาก” ก็ใส่ใจรายละเอียดมากขึ้น เมื่อก่อนเขาจะเป็นผู้ชายแมน ๆ ไม่ได้สนใจว่าเราจะคิดอะไร แต่ตอนนี้เริ่มรู้แล้วว่าต้องประพฤติตัวยังไง เป็นสุภาพบุรุษและโรแมนติกมากขึ้น เวลาเดินข้างทาง ก็จะให้เราเดินชิดใน หรือกินข้าว เรายังไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องตักให้เขาก่อน แต่เขาตักให้เราก่อนทุกครั้ง ถ้าเหลือชิ้นสุดท้ายในจาน เขาก็ให้เราตลอด เวลาแกะอาหาร เขาก็จะเป็นคนแกะให้เรา เราก็จะแกะให้เขา เป็นดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คิมรู้สึกว่าน่ารักมาก ๆ ค่ะ(ยิ้มเขิน)”
Q : เลยทำให้เราตกหลุมรักเขามากขึ้น ?
คิม : ก็คงมีหลายอย่างอยู่ค่ะ(หัวเราะเขิน) การที่มีเขาเป็นอีกครึ่งของชีวิต ก็เหมือนมาเติมเต็ม เพราะเขาก็ขาดอะไรไปค่อนข้างเยอะ แต่เขาก็อยู่ในทุกช่วงชีวิตที่รู้สึกว่าแย่ แล้วเขาก็พยายามที่จะเติมเพื่อให้เรารู้สึกเต็ม เลยกลายเป็นว่าเราก็ต้องมีเขาอยู่ในชีวิตค่ะ”
Q : ตอนนี้รู้ใจกันหมด ไม่ต้องปรับอะไรแล้ว ?
คิม : เราอยู่ด้วยกันค่อนข้างจะบ่อย เลยไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกัน แต่พอเวลาจะพูดอะไรสักอย่าง กลับกลายเป็นว่าเราพูดพร้อมกัน และพูดสิ่งเดียวกัน แล้วถ้าคนนึงคิดอะไร เราก็คิดตรงกัน เลยไม่ต้องเดาแล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ค่ะ”
Q : เขาบอกว่าชอบหาเรื่องแกล้งเรา เพื่อสร้างสีสันของชีวิต ?
คิม : เขาก็หาเรื่องให้เราหัวเราะได้ทุกวัน คิมเป็นคนที่หัวเราะง่ายด้วยมั้งคะ เขาก็เลยชอบแกล้ง อย่างล่าสุดที่ไปสวนผึ้ง เขารู้ว่าเราเคยมีประวัติรถพังมาแล้ว และไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว พอไปสวนผึ้ง เรากำลังจะขึ้นเขาแล้วอยู่ ๆ รถดับ เราก็เลยหันไปทำตาโตใส่ แล้วก็พูดว่า “อย่าบอกนะว่ารถดับ” เขาก็ทำหน้าตกใจแล้วหันมามอง(หัวเราะ) สรุปคือมันเป็นระบบออโต้ รถดับเพื่อประหยัดน้ำมัน พอเขากดปุ่มก็กลับมาสตาร์ทเหมือนเดิม คิมไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตั้งใจแกล้งเราหรือเปล่า แต่พอรถดับเขาก็คงแกล้งเลยแล้วกัน”
Q : เวลาอยู่ที่อยู่ด้วยกันเป็นเหมือนภาพที่ทุกคนเห็นในไอจีหรือเปล่า ?
คิม : ก็เป็นช่วง ๆ เราก็มีช่วงงอนกันเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนไม่ได้เฟอร์เฟคอยู่แล้ว แต่คิมยังจำไม่ได้เลยว่าล่าสุดที่งอน คือ ตอนไหน เราไม่ค่อยได้มีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันแล้วค่ะ ส่วนรูปหรือแคปชั่นหวาน ๆ ที่ “พี่หมาก” ลงไอจี ก็เกิดขึ้นจากธรรมชาติอยู่แล้ว เราไม่ได้มานั่งเซ็ตว่าวันพรุ่งนี้จะลงรูปคู่ หรือไม่ได้คิดมาหลายวันแล้วว่าจะลงแคปชั่นหวาน ๆ แต่ว่าที่เราพยายามปรากฏตัวในโซเชียล เพราะว่าเราก็คิดถึงแฟนคลับเหมือนกัน อยากมีกิจกรรมร่วมกันกับเขา เอาจริง ๆ คือกลัวแฟนคลับลืมแหละค่ะ(ยิ้ม)”
Q : “หมาก” บอกว่าวางแผนใช้ชีวิตร่วมกันไปจนถึงตอนแก่แล้ว ?
คิม : คิมว่าก็ดีนะคะที่ “พี่หมาก” วางแผนไปไกลขนาดนั้น เราอยากให้เขาเป็นหัวหน้าเป็นผู้นำ ก็ต้องแชร์ความคิดเห็นกันบ้าง แต่ว่าเรื่องแต่งงาน เรายังชิลอยู่ คิมรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องรีบ ยังสนุกกับการทำงาน ยังเก็บตังค์ได้อีกนิดนึงอยู่ค่ะ(หัวเราะ)”
Q : ภาพการเป็นผู้นำครอบครัวในตัว “หมาก” ชัดเจนขนาดไหน ?
คิม : คิมว่าค่อนข้างที่จะชัดเจนขึ้นค่ะ(ยิ้ม)”
Q : มั่นใจแล้วว่าคนนี้แหละที่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนแก่ ?
คิม : ก็คนนี้แหละค่ะ(เขิน)”
Q : มีอะไรอยากจะฝากถึงแฟน ๆ ที่คอยซัพพอร์ตเรามาตลอด ?
คิม : อยากจะขอบคุณมาก ๆ ไม่ว่าเราจะไม่ได้เจอกันกี่เดือน แต่ทุกคนยังซัพพอร์ตคิมเต็มที่มาก ๆ คิมรู้สึกว่าทุกคนไม่ได้หายไปไหน เพราะมีอยู่ช่วงนึงที่คิมคิดถึงแฟนคลับ ไม่รู้ว่าแฟนคลับจะหายไปหรือเปล่า แต่พอมาถึงตอนนี้เรารู้เลยว่าเขายังอยู่ และคอยให้กำลังใจเราในทุก ๆ เรื่อง และพร้อมที่จะอยู่ข้างเราตลอด ก็รู้สึกขอบคุณพวกเขาค่ะ”
Q : .ให้ฝากละคร ?
คิม : คิมขอฝากละคร “สองเสน่หา”ด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้ “เดือน” ด้วยนะคะ เพราะเขาค่อนข้างน่าสงสารมาก และฝากเอาใจช่วย “พิ” กับ “คุณวาริธ” ว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรในโค้งสุดท้ายอีก “เดือน” จะหวนกลับมาทำอะไรเขาอีก ก็ฝากเป็นกำลังใจให้ทุกตัวละครด้วย อย่าเพิ่งหายกันไปไหนนะคะ(ยิ้ม)”
พูดคุย ยิ่งเห็นถึงความตั้งใจทำงานและความเป็นธรรมชาติ ที่เป็นเสน่ห์ของสาว “คิม” ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม หนุ่ม “หมาก” ถึงทั้งรักทั้งหลง และคิดอยากสร้างครอบครัวด้วยทุกวัน.
อิญรัตน์ กลิ่นหอม : เรื่อง
ติดตามคลิปสัมภาษณ์ของสาวคิมได้ที่ Youtube ช่อง Dailynews Live-TH และติดตามข่าวสารในวงการบันเทิงต่าง ๆ ทาง www.dailynews.co.th รวมถึงทุกแพลตฟอร์มของ Dailynews