เมื่อวันที่ 20 ส.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 4/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม 

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมวันนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ รวมถึงพิจารณาโครงการที่หน่วยงานเสนอ ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ในต้นเดือน ก.ย.นี้ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการของ 3 โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง จ.ฉะเชิงเทรา โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี และโครงการสูบผันน้ำจากคลองสะพานแนวที่ 2 จ.ระยอง ซึ่งแต่ละโครงการมีความพร้อมและตรงตามหลักเกณฑ์ของโครงการสำคัญ รวมทั้งเป็นโครงการที่อยู่ในเป้าหมายที่ช่วยขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำของประเทศในภาพรวมได้อย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งรัดดำเนินการตามระเบียบเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้ตามแผนที่กำหนด หากมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นขอให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาให้เป็นไปในกรอบทิศทางเดียวกัน รวมทั้งให้เร่งสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบความก้าวหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง โดยการเปิดรับฟังความคิดเห็น

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง จ.ฉะเชิงเทรา ปัจจุบันออกแบบและดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (ปี 66-71) ความจุ  27.50 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับอุปโภคบริโภคและการเกษตร สามารถส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกได้ 35,000 ไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดสร้างรายได้เสริมให้กับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนั้นยังสามารถจัดสรรน้ำสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่อีอีซีด้วย แต่เนื่องจากเป็นโครงการที่เชื่อมโยงกับอีก 2 อ่างเก็บน้ำในพื้นที่ ซึ่ง กนช.มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการแล้ว ได้แก่อ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน และอ่างเก็บน้ำบ้านหนองกระทิง จึงได้กำชับให้กรมชลประทานเสนอแผนจัดสรรน้ำที่มีความชัดเจนและต้องมีความเชื่อมโยงกับทั้ง 2 อ่างฯ พร้อมเร่งรัดการก่อสร้างระบบชลประทานให้สอดคล้องกับแผนงานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้น้ำอย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนโครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ความจุ 99.50 ล้านลูกบาศก์เมตร ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (ปี 66–71) เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานรวมทั้งสิ้น 87,700 ไร่ และเป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนกว่า 4,116 ครัวเรือน รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำดิบสำรองสำหรับการอุปโภคและบริโภค การท่องเที่ยว เพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์อีอีซีเฉลี่ย 70 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยให้กรมชลประทานเสนอแผนจัดสรรน้ำที่มีความชัดเจนและต้องมีความเชื่อมโยงทั้ง 4 อ่างฯ ในพื้นที่ และโครงการสูบผันน้ำจากคลองสะพานแนวที่ 2 จ.ระยอง ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี (ปี 66-68)

ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ให้ความสำคัญในกระบวนการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนต่อโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในระดับพื้นที่ในทุกขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง โดยได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานใช้กลไกของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด คณะกรรมการลุ่มน้ำ รวมทั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ ในการเร่งประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าของโครงการให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถสะท้อนสภาพปัญหา ความต้องการใช้น้ำ และแนวทางจัดการน้ำในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด ตามบริบทของพื้นที่ ช่วยยกระดับการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และทำให้โครงการต่างๆ เดินหน้าต่อไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง.