“มองไกล เห็นใกล้” แรกเริ่มเดิมทีของมาตรการการป้องกันโรคร้ายนี้ของประเทศไทยใช่ว่าจะดีนัก การสวมหน้ากากอนามัยหรือการเว้นระยะห่าง กินร้อนช้อนกลาง ยังพอบรรเทาได้บ้าง

แต่หากดูสถิติผู้ติดเชื้อในประเทศไทยย้อนหลังไป 1 ปี ก่อนจะปรับเจ้าโรคร้ายนี้เข้าหมวด “โรคประจำถิ่น” ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 เม.ย. 64 -1 ก.ค. 64 มีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 235,971 ราย ตายสะสม 1,986 ราย แม้ในปีถัดมาข้อมูลวันที่ 2 ก.ค. 65 ผู้ป่วยติดเชื้อลดลง 2,508 ราย แต่ยอดผู้ป่วยสะสมสูงถึงกว่า 2 ล้านราย

ที่น่าอนาถใจคือผู้ป่วยสูงอายุบางรายตายซาก รักษาตัวอยู่บ้านไร้คนเหลียวแล ส่วนผู้ที่กำลังป่วยใช้สิทธิประกันสังคมรักษาต้องนอนซมรอคิวยาว มีเพียงยาแก้ไข้ ไอ จาม ให้รักษาไปพลาง “โรคประจำถิ่น” ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน…ท่องเอาไว้

ขณะเดียวกันอย่างในสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อพุ่งเป็นอันดับ 1 กว่า 98 ล้านราย แม้จะมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันแล้วกว่า 200 ล้านราย ส่วนการรับวัคซีนของประเทศไทย จากผู้ติดเชื้อ 4 ล้านกว่าราย แต่มีการรับวัคซีนแล้วกว่า 53 ล้านคน คิดเป็น 80.4 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร

“มหาปราบ” มองว่าแม้วัคซีนจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้ 100 เปอร์เซ็นต์
              

จะว่าไป คิดๆ ดูแล้ว “โควิด-19” ไม่มีวันหมดไปจากโลก และรัฐเองก็ยังไม่มีมาตรการที่สามารถควบคุมเบ็ดเสร็จ-เด็ดขาด เช่นกันกับการแพร่ระบาดยาเสพติดที่ระบาดหนัก แต่ก็ปราบปรามไม่สิ้นซาก และด้วยโรคที่ยังอยู่และนับวันก็จะยิ่งมีผู้เจ็บป่วยล้มตายจากเจ้าโรคร้ายที่ยังอย่างเลี่ยงได้ยาก

ที่น่าห่วงใยคือ “ระลอกใหม่” ที่มีสายพันธุ์ใหม่ๆ จ่อเพิ่มเข้ามาไม่หยุด และไม่อาจล่วงรู้สายพันธุ์ในอนาคตจะอันตรายกว่าเดิมหรือไม่???

ชีวิตภายใต้โรคระบาดจึงไม่เที่ยงโดยแท้ ดั่งคำพระ “ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน แต่ที่แน่นอนคือความตายเท่านั้น”

ยิ่งช่วง “มหาเทศกาล” ที่ใกล้เข้ามาทั้งสิ้นปี 65 ถึงต้นปี 66 มีโอกาสรวมตัวใหญ่ๆ ปังๆ หลายครั้ง กลายเป็นจังหวะแพร่เชื้อสู่กันชั้นดี!!!

งานนี้จะห้ามเฉลิมฉลอง หรือใช้ชีวิต “ผิดปกติ” เหมือนช่วงโควิดเป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงก็คงไม่ได้ เพราะสิ้นปีนี้ ถือเป็นปีที่ได้ “ปล่อยผี” กันเต็มที่ปีแรกหลังโควิดหนัก

ใดๆ จึงต้องย้ำด้วยความห่วงใยถึงท่านผู้อ่าน จงอย่าประมาท และตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ทุกมาตรการป้องกันส่วนบุคคลก่อนหน้านี้ยังจำเป็น ยึดไว้ให้มั่นไว้…อย่าได้แผ่ว อย่าเปิดช่องให้เจ้าโรคร้ายมาพลัดพรากคนใกล้ชิด เพราะความสูญเสียเช่นนี้ใครไม่เจอกับตัว…ไม่มีทางรู้

ปีใหม่นี้คำอวยพรที่บอกกล่าวจึงอาจต้องยาวกว่าเดิมหน่อย เพราะนอกจากขอให้โชคดีปีใหม่ ก็ขอให้ปลอดโรคภัยโควิดด้วย.
             

มหาปราบ