สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ว่ากระทรวงคมนาคมของสหรัฐออกแถลงการณ์ เมื่อวันพุธ เรื่องการจำกัดจำนวนผู้โดยสารบนเที่ยวบินพาณิชย์ซึ่งบินตรงมาจากเมืองแห่งใดก็ตามในจีน ต้องไม่เกิน 40% ครอบคลุมระยะเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เนื่องจากรัฐบาลปักกิ่งดำเนินการแบบนี้ก่อน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงการเดินอากาศเชิงพาณิชย์ในระดับทวิภาคี และเกี่ยวข้อกล่าวหาว่า ผู้ที่เดินทางบนเที่ยวบินของสหรัฐ มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกนั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน ว่าผู้ป่วยติดเชื้อเมื่อใดและจากสถานที่แห่งใด
สำหรับสายการบินของจีนที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ แอร์ไชนา ไชนา อิสเทิร์น แอร์ไลน์ส ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลน์ส และเซียะเหมิน แอร์ไลน์ส ขณะที่สถานเอกอัคราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันยังปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ 
ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่งแจ้งต่อสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ว่ามีการตรวจพบผู้โดยสาร 5 คนบนเที่ยวบินจากเมืองซานฟรานซิสโกสู่นครเซี่ยงไฮ้ มีผลตรวจโรคโควิด-19 ยืนยันเป็นบวก เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากนั้น "เสนอทางเลือก" 3 แบบ ให้แก่ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส คือ ระงับให้บริการเส้นทางระหว่างเมืองซานฟรานซิสโกกับนครเซี่ยงไฮ้ 2 เที่ยวบิน "เป็นการชั่วคราว" หรือให้บริการเที่ยวบินขาเข้า 2 เที่ยวโดยไม่มีผู้โดยสาร ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเครื่องบินเปล่าเพื่อมารับผู้โดยสารจากจีน และการยังให้บริการได้เท่าเดิม คือ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่จำกัดจำนวนผู้โดยสารขาเข้าต้องไม่เกิน 40% ซึ่งยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เลือกเงื่อนไขข้อสุดท้าย และเริ่มมีผลเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา
อนึ่ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าสหรัฐ ของนักเรียนและนักศึกษาชาวจีน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มาตรการระงับการเข้าเมืองของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีประวัติการเดินทางและการพำนักในรอบ 14 วันล่าสุดเกี่ยวข้องกับจีน ยังคงมีผลบังคับใช้.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES