จากประเด็นดราม่ารุนแรงในโลกออนไลน์ เมื่อเเพทย์หญิงรายหนึ่ง ใน รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช พาญาติที่ไม่ใช่บุคลากรด่านหน้ามาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จนเกิดกระแสไม่พอใจวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวาง ต่อมา นพ.จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ยอมรับว่า มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์โด๊สดังกล่าวให้กับพี่สาวกับแม่จริง ของ พญ.คนดังกล่าวจริง แต่ได้ฉีดให้พี่สาว ส่วนแม่ยังไม่ได้ฉีด เนื่องจาก ผอ.รพ.นบพิตำ สั่งห้ามฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคคลภายนอกเด็ดขาด ต่อมาแพทย์หญิงที่ตกเป็นข่าวได้ยื่นใบลาออกต่อ ผวจ.นครศรีธรรมราช เรียบร้อยแล้วตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เผยผลสอบแพทย์หญิงรพ.นบพิตำผิดจริง หลังนำวัคซีนไฟเซอร์ไปให้ญาติฉีด
ผอ.รพ.นบพิตำขอโทษยันหมอหญิงเป็นคนดี แต่กตัญญูจึงนำไฟเซอร์ฉีดให้แม่-พี่สาว
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ รพ.นบพิตำ พญ.กฤตยาณี พูลเพียร หรือ “หมอกุ๊บกิ๊บ” อายุ 27 ปี แพทย์ประจำ รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ที่ตกเป็นข่าว เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ในวันที่ 12 ส.ค. ทางทีมแพทย์ พยาบาลและบุคลากรด่านหน้าจะต้องเดินทางไปช่วย รพ.บุษราคัม จ.นนทบุรี ทาง รพ.จึงได้เบิกวัคซีนไฟเซอร์มา 1 ขวด ทำการฉีดให้กับบุคลากรเป็นโด๊สที่ 3 จำนวน 6 คน ที่จะเดินทางไปช่วย รพ.บุษราคัม
พญ.กฤตยาณี กล่าวต่อว่า หลังจากฉีดครบแล้ว พบว่ามีวัคซีนเหลือก้นขวดก็ต้องทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ในความคิดของตนมองว่าน่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กว่าทิ้งถังขยะไป ต่อมาวันที่ 13 ส.ค.ทาง รพ.นบพิตำ จะทำการฉีดวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้าจำนวน 66 คน โดยเบิกวัคซีนไฟเซอร์มา 11 ขวด ช่วง 13.00 น. เศษ ตนได้เดินมาที่จุดฉีดวัคซีนถามทีมฉีดวัคซีนว่า มีวัคซีนเหลือก้นขวดบ้างไหม ทีมฉีดวัคซีนก็ตอบว่า บางขวดก็เหลือบางขวดไม่เหลือ โดยวัคซีนที่เหลือโด๊สที่ 7 ก้นขวดนั้น ไม่มีใครรับรองว่า มีคุณภาพหรือไม่ เขาจะไม่ให้ฉีดให้ใคร เพราะอาจจะไม่ได้คุณภาพ
“หมอเลยถามว่า ขวดที่เหลือหมอขอได้ไหม เพื่อจะฉีดให้แม่กับสาว จึงโทรฯไปให้พี่สาวที่ช่วยงานในคลินิกหน้า ม.วลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา ให้ขับรถพาแม่มาด้วย โดยบอกกับพี่สาวและแม่ว่ามีวัคซีนก้นขวดที่เขาทิ้งแล้วจะเอาไหม ฉีดไหม พี่สาวบอกว่าเอา วัคซีนอะไรก็ได้ขอให้ได้ฉีด และด้วยความบริสุทธิ์ใจก็เอาวัคซีนก้นขวดที่เหลือทิ้งถังขยะมาฉีดให้พี่สาว จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่แจ้งเรื่องให้ ผอ.รพ.ทราบ ท่าน ผอ.จึงสั่งระงับการฉีดวัคซีนให้บุคคลภายนอก ดังนั้นแม่จึงยังไม่ได้ฉีด ตามที่เป็นข่าวทางสื่อบางสังกัดว่า หมอเบียดบังเอาวัคซีนโด๊สที่ 6 ฉีดให้แม่นั้นไม่เป็นความจริง” พญ.กฤตยาณี กล่าว
พญ.กฤตยาณี กล่าวอีกว่า เมื่อพี่สาวมาถึง ตนจึงให้เข้าไปนั่งในจุดที่ฉีดวัคซีน เพราะหมอมีความบริสุทธิ์ใจในการฉีดวัคซีนก้นขวดให้พี่สาว บุคลากรด่านหน้าที่ต้องรับวัคซีนทุกคนก็นั่งอยู่ ตนไม่มีทางที่จะเบียดบังไปแย่งวัคซีนเอาของใครมาฉีดให้พี่สาวและแม่ ยืนยันว่าวัคซีนที่ฉีดให้พี่สาวเป็นวัคซีนที่ทิ้งแล้ว และเขาจะไม่แนะนำให้เอามาฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้า หากมีเหลือก็ทิ้ง ตนคิดว่าอย่าทิ้งเลยมันเสียดาย หากไม่บริสุทธิ์ใจจริงๆ ตนก็บอกพยาบาลว่า หมอเอาไปฉีดให้พี่สาวเอง ฉีดในห้องหมอ ในรถก็ได้ หรือจุดไหนก็ได้ไม่ให้ใครเห็น ไม่มีใครรู้ แต่ด้วยความที่หมอบริสุทธิ์ใจ และคิดน้อยไป จึงให้พยาบาลฉีดให้พี่สาว ณ จุด ๆ นั้น จนเป็นเหตุให้คนบางคนที่เห็นเหตุการณ์อาจจะไม่เข้าใจ และวิตกกังวลลว่าหมอไปแย่งวัคซีนของบุคลากรด่านหน้ามาหรือเปล่า
“มันเป็นวัคซีนที่เหลือก้นขวดทิ้งถังขยะจริงๆ ทุกคนที่นั่งอยู่ก็เห็น บุคลากรด่านหน้าที่ 66 คนทุกคนได้รับวัคซีนครบ ยอมรับว่าหมอให้พี่สาวพาคุณแม่มาด้วย แต่แม่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่อย่างใด เพราะหลังฉีดให้พี่สาวก็มีบุคลากรบางท่าน รายงานให้ ผอ.รพ.นบพิตำว่า มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ของบุคลากรด่านหน้าให้กับบุคคลภายนอก ซึ่งเขาก็ทำถูกต้องแล้ว จนทาง ผอ.รพ.กำชับไม่ให้ฉีดให้บุคคลภายนอก แต่หมอเองก็น้อยใจว่า เราทำงานสุ่มเสี่ยงตรงนี้มาต่อเนื่อง แต่เราไม่สามารถที่จะเอาวัคซีนก้นขวดทิ้งไปแล้วกลับมาฉีดให้กับแม่และพี่สาวของเราเพื่อให้เขาปลอดภัยได้ เพราะทุกวันที่หมอมาทำงานที่ รพ.นบพิตำ คลุกคลีกับผู้ป่วย รวมทั้งบุคลากรที่ติดเชื้อก็มี และหมอต้องกลับไปนอนกับแม่ กับพี่สาว ที่ผ่านมาหมอเองเป็นคนเสี่ยงและเสียสละอยู่ด่านหน้า แต่หมอไม่สามารถที่จะดูแลปกป้องคนในครอบครัวของตัวเองได้เลย นี่คือความเห็นแก่ตัวของหมอเอง หมอก็โทษประชาชนทุกคนจริงๆ ที่หมอเห็นแก่ตัว มันเป็นประเด็นที่อ่อนไหวจริงๆ” พญ.กฤตยาณี กล่าว
พญ.กฤตยาณี กล่าวทั้งน้ำตาอีกว่า ตนน้อยใจ เสียใจมาก ที่เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น จึงได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกและกลับไปบ้าน คิดทบทวนตัวเองว่า สิ่งที่หมอทำมันถูกไหม เราชิงลาออกแบบนี้เราได้อะไรกับการลาออก ประกอบกับหมอที่ รพ.นบพิตำ มีน้อยมาก ส่วนหนึ่งต้องไปช่วย รพ.บุษราคัม และยังจะต้องเปิด รพ.สนามนบพิตำ ถ้าหมอออกจะมีหมอไม่เพียงพอ เพราะเป็น รพ.ขนาดเล็ก มีหมอไม่กี่คน หากหมอออกไปอีกคนก็จะไม่มีคนที่จะช่วยงานในส่วนเหล่านี้ ล่าสุดตัดสินใจกลับมาโรงพยาบาลและไปเอาใบลาออกกลับคืนมา
“หมอจะสู้ต่อเพื่อคนนบพิตำ สู้เพื่อคนไข้ และจรรยาบรรณ แม้ว่าข่าวที่เกิดขึ้นและถูกโจมตีอย่างหนัก บั่นทอนความรู้สึก บั่นทอนจิตใจตัวหมอเอง จากความเห็นแก่ตัวของหมอที่อยากให้คนที่เรารักคือแม่และพี่สาวได้ปลอดภัย มีชีวิตอยู่กับเราไปนานๆ หมอกราบขออภัยด้วย และยืนยันว่าหมอไม่ได้ไปแย่งวัคซีนของบุคลากรด่านหน้า เพราะทุกคนเป็นคนที่หมอรัก หมอรู้จัก เป็นเพื่อนร่วมหมอ ซึ่งหมอไม่มีทางที่จะแย่งของเขามาอย่างแน่นอน หมอขอโทษ ที่หมอคิดน้อยไป ที่เราไปหยิบวัคซีนที่เขาทิ้งถังขยะ มันอาจจะเป็นเรื่องที่ผิด และไม่ดี” พญ.กฤตยาณี กล่าวขอโทษ พร้อมยกมือไหว้ด้วยน้ำตาไหลอาบแก้ม
พร้อมกันนี้ พญ.กฤตยาณี กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนเรียกร้องต่อสู้ขอวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้ามาตลอด วันนี้ถ้าใครได้เห็นคลิปนี้ ไม่ว่ารัฐบาลหรือใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องรีบนำวัคซีนมาฉีดให้บุคลากรด่านหน้า ตนเองไม่อยากฉีดเข็ม 3 อยากเอาเข็มที่ 3 ไปฉีดให้แม่หรือคนที่เรารัก ทุกคนรักแม่รักครอบครัว โดยก่อนหน้านี้ ตนกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน ตนมีแม่เพียงคนเดียว จึงนำแม่และพี่สาวมาอยู่ด้วย จนเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ ตนเป็นห่วงแม่ เพราะต้องรักษาคนไข้โควิด เมื่อกลับมาบ้านก็ต้องนอนกับแม่ ใกล้ชิดกับพี่สาว ตนเป็นบุคคลเสี่ยงสูงคนหนึ่ง จึงตัดสินใจไปเช่าบ้านแยกให้แม่ไปอาศัยเพื่อความปลอดภัย ส่วนตนนอนที่คลินิกกับพี่สาว.