ความเคลื่อนไหวกิจกรรม “World Youth Festival Bangkok 2022” (เวิลด์ ยูธ เฟสติวัล แบงค็อก 2022) เทศกาลยุวทูตเยาวชนจาก 21 ประเทศ 5 ทวีปทั่วโลก และเจ้าหน้าที่รวมกว่า 2,000 คน ร่วมเข้าแคมป์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกีฬา และการศึกษา โดยความร่วมมือของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) ร่วมกับ United Through Sports (UTS) องค์กรนานาชาติที่ไม่แสวงหาผลกำไร จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย. 65 ซึ่งตรงกับช่วงระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 (APEC) ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 พ.ย. เป็นการจัดกิจกรรมต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า โดยไฮไลต์อยู่ที่การจัดงานไหว้ครูมวย โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย เพื่อเป็นการเผยแพร่กีฬา “มวยไทย” และผลักดันเข้าสู่มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โดยมี “ดร.หญิง” ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) พร้อมด้วย มร.สเตฟาน ฟ็อกซ์ ประธาน United Through Sports (UTS) และ ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (IFMA) ร่วมจัดกิจกรรมให้กับเยาวชน ตบเท้าเข้าร่วมอย่างคึกคักเกือบ 500 คน
ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เปิดเผยว่า กิจกรรมเกี่ยวกับมวยไทยที่เป็นซอฟต์ เพาเวอร์ คนจะเข้าใจว่าเป็นแค่เรื่องการชกมวยไทย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้มวยไทยเป็นศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ เพราะมีเรื่องการไหว้ครูมวย รวมถึงเรื่องแม่ไม้มวยไทย ลูกไม้มวยไทย และชกมวยไทย ดังนั้น กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย จึงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมมวยไทยของเราอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งเติบโตมาเป็นนักชก หรือการเล่นกีฬา และทำฟิตเนสก็แล้วแต่
“กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ดีใจมากที่หน่วยงานรัฐบาลให้โอกาสน้องๆ ที่มาจากค่ายผู้อพยพแม่สอด จ.ตาก เพื่อมาร่วมงานไหว้ครูมวยครั้งนี้ น้องๆ ที่มาเข้าร่วมนั้น ที่ผ่านมา ไม่เคยออกจากค่ายเลย เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสดีที่ทำให้เห็นว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อที่จะสนับสนุนมวยไทยไปสู่สากล และเราก็พร้อมที่จะบอกว่า ให้มาที่ประเทศไทย เพื่อมาเรียนไหว้ครูมวยไทย แม้ไม้มวยไทยอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทุนฯ และ กกท. ผนึกกำลังกัน เพื่อช่วยผลักดันประเทศไทยในเรื่องของซอฟต์เพาเวอร์ จากกีฬามวยไทย”
ดร.สุปราณี กล่าวอีกว่า ส่วนการผลักดันมวยไทยไปสู่โอลิมปิกเกมส์นั้น ก่อนอื่นต้องทำบ้านเราให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งเราก็คงทราบดีว่า มวยไทยมีหลายปัจจัย เพราะฉะนั้นเราจะทำอย่างไร เพื่อสื่อสารไปให้คนวงการมวย โดยได้เริ่มแล้วกับการจัดอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย ในเรื่องสารต้องห้ามในกีฬามวย และการใช้เด็กในการชกมวยไทย ซึ่งสายตาชาวโลกอาจจะมองอีกแบบ เราจะต้องทำความเข้าใจ และหาอุปกรณ์มาช่วย เพื่อหาวิธีการให้เหมาะสมสำหรับประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะผลักดันให้มวยไทยไปโอลิมปิกให้สำเร็จได้ในอนาคต