จากกรณี เหตุคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ขับรถเก๋งฮอนด้า ใช้ปืนหลายกระบอกรัวประกบยิง นายสมพร สินทอง เจ้าของบริษัทมงคลชัย 99 การโยธา และเจ้าของร้านสมพรแซทเทิลไลน์ เสียชีวิตคารถปิกอัพหน้า รพ.ยุพราชเวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี สภาพรถประตูฝั่งคนขับถูกยิงจนพรุน 22 รู โดยภรรยาผู้ตายให้การกับตำรวจว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา สามีเคยพูดขึ้นมาว่า ตัวเองกำลังถูกตั้งค่าหัว มีคนจ้างฆ่า 3 ล้านบาท ลงขันกันจ้างถึง 3 คน หนึ่งในนั้นมี “ข้าราชการระดับสูง” รายหนึ่งอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงโทรฯ มาเตือนสามีให้ระวังตัว กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุคาดว่า น่าจะมาจากเรื่องธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถนน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อุกอาจ! รัวถล่ม 20 นัด เสี่ยรับเหมาดับคาที่หน้าโรงพยาบาล
เมียเสี่ยบริษัทสร้างถนนแฉเอง ‘บิ๊กข้าราชการ’ เอี่ยวจ้างวานฆ่าผัว 3 ล้าน

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 พ.ย. พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 เดินทางมาประชุม สภ.เวียงสระ เพื่อคลี่คลายคดี โดยมี พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส. บช.ภ.8, พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ประชุมติดตามความคืบหน้า พร้อมเชิญภรรยาผู้เสียชีวิตมาซักถามปากคำเพิ่มเติม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ช่วงเช้า พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ ผบก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม รอง ผบก.สส.ภ.8 นำกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่ พฐ. ไปจำลองเหตุการณ์ เริ่มตั้งแต่ที่คนร้ายซุ่มรอนายสมพร ขับรถออกจากบ้าน

จากแนวทางการสอบสวนยังพบด้วยว่า คนร้ายมาจอดรถเก๋งรอใกล้บ้านผู้ตาย ตั้งแต่ 6 โมงเช้า กระทั่งเวลา 08.50 น. นายสมพร ขับรถปิกอัพคันเกิดเหตุออกจากบ้านคนเดียว ไปตามเส้นทางบ้านส้อง-นาสาร ข้ามทางข้ามรถไฟไปยังถนนหน้า รพ.ยุพราชเวียงสระ ถือเป็นจุดพื้นที่สังหาร เพราะรถชะลอความเร็ว ถนนแคบพื้นที่ชุมชน คนร้ายจึงสบโอกาสไม่เห็นมีรถสวนทาง จึงเร่งเครื่องขึ้นประกบ แล้วใช้ปืนถึง 2 กระบอก กระหน่ำยิงเข้าใส่หลายสิบนัดติดต่อกัน แล้วขับรถต่อไปอีกประมาณ 40 เมตร แล้วเลี้ยวรถวนกลับมาทางเดิม พบว่า คนขับชะลอรถเปิดกระจกยื่นมือออกมายิงซ้ำอีกหลายนัด ก่อนจะเร่งเครื่องหนีมุ่งหน้าขับรถวิ่งเลียบทางรถไฟ ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยอั้งยี่ ซึ่งเป็นเส้นทางลัดมุ่งหน้าถนนสาย 41

หลังจากจำลองเหตุการณ์แล้ว ยังกระจายกำลังไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางออกจากพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดหลายจุด ในช่วงเวลาเกิดเหตุ แต่ยังไม่พบรถเก๋งคนร้ายหนีออกไปนอกพื้นที่ ชุดสืบสวนจึงสันนิษฐานว่า คนร้ายได้วางแผนเตรียมการมาอย่างดี เพื่อหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิด รวมถึงมีการใช้ “ทะเบียนปลอม” กับรถคันที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อป้องกันการติดตามเจ้าของรถที่แท้จริงเพื่อสะดวกในการหลบหนี ที่สำคัญเชื่อว่า รถเก๋งคันที่ก่อเหตุอาจจะถูกนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐานทิ้งตามป่า หรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่.