ตามที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อนุมัติเงิน 600 ล้านบาท จากคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) นำไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 ที่จะเตะ 20 พ.ย.-18 ธ.ค.65 เพื่อถ่ายทอดสดครบ 64 นัด ในทุกแพลตฟอร์ม จากที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย นำเสนอ 1,600 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ระบุว่า หนักใจส่วนต่างที่ต้องหาเพิ่ม

ช่วงเช้าวันที่ 10 พ.ย.65 ดร.ก้องศักด ให้สัมภาษณ์รายการ “เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์” ในเรื่องดังกล่าวว่า กับตัวเลขที่เคยมีข่าวว่า 1.2 พันล้านบาทนั้น ตนไม่ทราบว่ามาอย่างไร แต่ตัวเลข 1.6 พันล้านบาท เป็นตัวเลขที่ ตัวแทนของฟีฟ่า (สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ) ลดราคาให้แล้ว ตอนนี้มี 600 ล้านบาท ต้องทำค่าลิขสิทธิ์ให้ต่ำที่สุด เท่าที่ทำได้ แต่ยังไม่ยืนยันว่าเท่าไหร่ ราคา 1.6 พันล้านบาทซึ่งรวมภาษีด้วย ได้ต่อรองมาแล้วในระดับหนึ่ง แต่ตัวเลขยังสูง

“เราเห็นว่า ด้วยศักยภาพ เศรษฐกิจของไทย เราตั้งใจให้ถ่ายทอดสด แต่ต้องเป็นราคาสมเหตุสมผล ได้ประสานฟีฟ่าตรงๆ และตัวแทน เมื่อคืน (10 พ.ย.) มีจดหมายถึงตัวแทน ว่า กสทช. อนุมัติมาเท่านี้ ขอให้ลดราคาลงอีก”

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวต่อไปว่า กับตัวเลขอื่นที่เคยมีข่าว ตนไม่ทราบข้อมูลตรงนี้ว่ามีการเจรจา แต่ทราบว่ามีกลุ่มเอกชนหลายกลุ่ม ติดต่อซื้อสิทธิ์ แต่เมื่อเวลากระชั้น ภาคเอกชนไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเหตุให้ กกท.เข้ามา เพราะไปแย่งสิทธิเอกชนไม่ได้ เป็นข้อห้าม

“เหลือ 10 วัน ส่งหนังสือไปฟีฟ่า เร่งรัดให้ร็วที่สุด ชี้แจงว่าเวลาจ่ายเงิน เวลาในการตัดสินใจต่างๆ จำกัดแล้ว เพราะเรามีกระบวนการทางกฎหมาย เราเป็นภาครัฐ”

เมื่อถามถึงเพดานเงินที่คาดไว้ ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า ไม่ได้ตั้งเป้า แต่พยายามให้ต่ำที่สุด เนื่องจากภาคเอกชนยากลำบากที่สนับสนุน คิดว่าเงิน กสทช.ไม่พอแน่ เอกชนจะมากน้อยเท่าไหร่ ไม่สามารถยืนยันได้ จึงอยากทราบราคาที่ลดมาให้

เมื่อถามว่า ทำไมไม่ใช้เงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ดร.ก้องศักด กล่าวว่า เงินกองทุน งบประมาณปี 66 มี 5 พันล้าน แต่จัดสรรค์ให้สมาคมกีฬาประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ กับสมาคมกีฬาจังหวัด มีแผนปฏิบัติงานที่ได้รับเห็นชอบจาก กระทรวงการคลัง แล้ว ถ้าจะใช้ต้องปรับแผนต่างๆ เวลากระชั้นมาก กำลังดูหลายๆ วิธี

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีท่าทีอย่างไร ดร.ก้องศักด กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร มีแนวนโยบายให้ถ่ายทอด เพื่อพัฒนากีฬา เชื่อว่าการถ่ายทอดไม่ได้มีผลเฉพาะวงการกีฬาฟุตบอลเท่านั้น แต่ส่งผลกีฬาโดยรวม สร้างความสุข ต้องยอมรับว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมที่สุด ดูตัวเลขเศรษฐดิจ ในการที่จะถ่ายทอด เทียบแล้ว เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน แต่ก็ต้องดูความเหมาะสมของงบประมาณ

“เงินเอกชน ยังไม่ชัดเจน ว่าจะได้เท่าไหร่ ยังทำงานอยู่ แต่มีหลายราย แต่ยังไม่สามารถพูดตัวเลขไม่ได้”

เมื่อถามว่า มีน้ำหนักแค่ไหน ที่คนไทยจะได้ดูบอลโลก ดร.ก้องศักด กล่าวว่า “จะพยายามมากที่สุด คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้”

เมื่อถามว่า มีโอกาสไม่ได้ดูหรือไม่ ผู้ว่าการ กกท. ตอบว่า “ต้องพยายามให้มากที่สุดก่อน ต้องบอกว่า เงินที่มีไม่พอแน่นอน ต้องหาเอกชน”.