หลังจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตัดสินใจไม่ใช้ฟีฟ่าเดย์ เดือน มี.ค. 66 และเร่งบอลลีกปิดเร็วขึ้น เป็นวันที่ 22 เม.ย. 66 มีเวลาเตรียมตัวก่อน ซีเกมส์ ที่กัมพูชา ที่คาดว่าฟุตบอลจะเริ่มวันที่ 28 เม.ย. 66
ส่วนประเด็นที่ เมื่อทีมชาติไทย ไม่ใช้โปรแกรมฟีฟ่าเดย์ เดือน มี.ค. 66 จะทำให้ ช้างศึก พลาดโอกาสเก็บคะแนนทำอันดับโลก ขึ้นไปอยู่ใน 18 อันดับแรกของเอเชีย และจะได้อยู่ในโถ 2 ของการจับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย นั้น
“เลขาฯ โจ” นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า เรื่องการทำอันดับขึ้นไปติด 18 อันดับแรกของเอเชีย เป็นเรื่องยากตั้งแต่ที่เอเชี่ยนคัพ 2023 ถูกเลื่อนออกไปจากเดิมที่จะแข่งในเดือน มิ.ย. ปีหน้า เพราะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีคะแนนฟีฟ่าแรงค์กิ้งสูงที่สุด อย่างไรก็ตามถึงจะยกเลิกฟีฟ่าเดย์ในเดือน มี.ค. 66 แต่ สมาคมฯ วางแผนที่จะจัดโปรแกรมอุ่นเครื่อง ที่สามารถนำไปคิดคะแนนฟีฟ่าแรงค์กิ้งได้เช่นกัน เริ่มตั้งแต่ช่วงฟีฟ่าเดย์ต้นเดือน ธ.ค. 2 นัด มีเมียนมา 1 ทีม และอีก 1 ทีม กำลังติดต่อ จากนั้นศึกชิงแชมป์อาเซียน “มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ” ถ้าไทยเข้าชิงชนะเลิศ จะได้เล่นรวม 8 นัด แต่ละนัดที่ลงเล่น ก็จะมีคะแนนสะสม เพียงแต่การคูณคะแนนจะไม่เท่ากับช่วงฟีฟ่าเดย์
จากนั้นเดือน มิ.ย. 66 ช่วงฟีฟ่าเดย์ ก็จะมี 2 นัด ขณะเดียวกันก็มีหลายประเทศที่กำลังต้องการทำอันดับโลกเหมือนกับไทย เจอปัญหาแบบเดียวกัน จึงมีการพูดคุยถึงเกมอุ่นเครื่องเพิ่มเติมในช่วงต้นเดือน ก.ค. 66 อีก 2 นัด ก่อนที่คะแนนฟีฟ่าแรงค์กิ้งจะตัดรอบในวันที่ 13 ก.ค. 66
“เท่ากับว่า เมื่อรวมทั้งหมดก่อนที่จะตัดแรงค์กิ้งแล้วนำไปจัดโถทีมวาง แบ่งกลุ่มคัดฟุตบอลโลก ทีมชาติไทย จะมี 14 นัด ยังเพียงพอต่อการทำอันดับได้อยู่ แต่ปัญหาก็คือการจะทำอันดับได้นั้น แต่ละนัดที่ไทยลงเล่น ก็ต้องเก็บชัยชนะให้ได้ด้วย เพราะต่อให้มีเกมลงเล่นเยอะ แต่ถ้าไม่ชนะก็ไม่มีประโยชน์” นายพาทิศ กล่าว
ปัจจุบัน ทีมชาติไทย อยู่อัน 111 ของโลก และอันดับ 21 ของเอเชีย โดยอันดับที่อยู่เหนือขึ้นไป 108.ทาจิกิสถาน 106.อินเดีย 99.เลบานอน 96.เวียดนาม