เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 24 ต.ค. 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จแทนพระองค์ ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดราชาธิวาสวราชวรวิหาร เขตดุสิต 

วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย สันนิษฐานว่า มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัด “สมอราย” ต่อในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท และทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามสำคัญในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี 2310

พร้อมกับได้รับพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ จากพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เป็นต้นมา ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดราชาธิวาส” ซึ่งมีความหมายว่า “วัดอันเป็นที่ประทับของพระราชา” ที่เคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงผนวช ได้ประทับที่วัดราชาธิวาสวิหารแห่งนี้ และทรงตั้งคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายขึ้นเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในสยาม และแก้ไขวัตรปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระวินัย

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ออกแบบพระอุโบสถขึ้นใหม่ หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ลักษณะเป็นศิลปะผสมผสานแบบไทย ขอม และตะวันตก รูปทรงคล้ายนครวัด มีกำแพงแก้วและสะพานนากหน้าพระอุโบสถ

ประดิษฐานพระสัมพุทธพรรณี เป็นพระประธานพระอุโบสถ มีภาพจิตกรรมฝาผนังแสดงเรื่องพระเวสสันดรชาดก ครบทั้ง 13 กัณฑ์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ทรงเป็นผู้ร่างภาพ และ นายซี. ริโกลี จิตรกรชาวอิตาลี เป็นผู้เขียน ด้วยการใช้สีปูนเปียก ส่วนที่ห้องประดิษฐานพระสัมพุทธวัฒโนภาส พระประธานองค์เดิม ภายใต้ฐานพุทธบัลลังก์ประดิษฐานพระราชสรีรางคาร สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และเส้นพระเกศาของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ด้วย.