ทีมนักกีฬาพาราทีมชาติไทย ที่กำลังเตรียมพร้อมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 24 ส.ค.-5 ก.ย.64 โดยครั้งนี้ นักกีฬาพาราไทย ได้สิทธิเข้าร่วมชิงชัยทั้งหมด 75 คน จาก 14 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย เทควันโด, ยิงธนู, แบดมินตัน, วีลแชร์ฟันดาบ, ยกน้ำหนัก, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, กรีฑา (ลู่-ลาน, วีลแชร์เรซซิ่ง), จักรยาน, ยิงปืน, วีลแชร์เทนนิส, บอคเซีย, ฟุตบอลตาบอด และยูโด ในส่วนของเทควันโดนั้น มี “น้องขวัญ” ขวัญสุดา พวงกิจจา จอมเตะสาวพาราหนึ่งเดียวของไทย ลงชิงชัยในรุ่น 49 กก.หญิง คลาส K44 โดย น้องขวัญ เก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ศูนย์ฝึกกีฬาเทควันโด ภายในสนามกีฬาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มี ยอง กุน ชิน โค้ชชาวเกาหลีใต้ เป็นผู้ดูแล

ขวัญสุดา พวงกิจจา เผยว่า ที่ผ่านฝึกซ้อมหนักมาอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ปีเต็มๆ สภาพร่างกายถือว่าดีมาก และสภาพจิตใจพร้อมเกินร้อย แม้ผ่านมาช่วงปีครึ่ง ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 จึงไม่ได้ออกไปแข่งขันเลย ทำให้รู้สึกอยากขึ้นสังเวียนแล้ว ส่วนเป้าหมายนั้นทุกคนอยากไปคว้าเหรียญทองให้ได้ ตนเองก็หวังแบบนั้นเช่นกัน แต่ไม่อยากกดดันตัวเองมากเกินไป เพราะเป็นพาราลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของตัวเอง ซึ่งโค้ชบอกให้ทำตัวแบบสบายๆ ดีกว่าไปคิดเรื่องเหรียญรางวัล

“โอกาสที่จะได้เหรียญรางวัลในพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้หนูมั่นใจว่ามีแน่นอน เพราะคู่แข่งขันทุกๆ คนในรายการนี้เคยเจอมาทุกคนและเคยเอาชนะมาได้เกือบทุกคน ที่ผ่านมาแม้ไม่ได้ออกไปแข่งขันแต่โค้ชพยายามเอาวิดีโอของคู่แข่งมาให้ดูตลอด ทำให้เราได้รู้สไตล์ของคู่แข่งในแต่ละคนมาพอสมควร จึงมั่นใจว่าจะคว้าเหรียญรางวัลได้” น้องขวัญ กล่าว

ทางด้าน ยอง กุน ชิน โค้ชเทควันโดคนพิการไทย กล่าวว่า คู่แข่งที่น่ากลัวคือ มองโกลเลีย มือ 1 ของโลก และเปรู ที่ฟอร์มแรงมาก จะประมาทไม่ได้เลย แถมยังได้เปรียบนักกีฬาไทยเพราะว่ามีแมตช์แข่งขันตลอด แต่เราออกไปแข่งไม่ได้ ต้องซ้อมอย่างเดียว ความแข็งแกร่งอาจจะเป็นรองเล็กน้อย แต่ตนยังมั่นใจว่า “น้องขวัญ” จะคว้าเหรียญมาได้

สำหรับ เทควันโด พาราลิมปิกเกมส์ 2020 มีนักกีฬาเข้าร่วมราว 24 คน แข่งขันในรูปแบบเดียวกับเทควันโดของคนปกติ แบบน็อกเอาต์แพ้คัดออก แต่หากแพ้ ตกรอบให้กับนักกีฬาที่สามารถผ่านรอบรอบชิงชนะเลิศได้ ก็ยังมีโอกาสลงเล่นรอบแก้ตัวเพื่อลุ้นเข้าไปเหรียญทองแดงได้อีกครั้ง