ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด  หรือ ปณท เปิดเผยว่า ในวาระครบรอบ 138 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย รวมถึงก้าวสู่ 19 ปีแห่งการจัดตั้งบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และในฐานะหน่วยงานขนส่งและสื่อสารของชาติ  ภายใต้สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภาคส่วนต่าง ๆ ของประเทศ

โดยในปี 64 นี้ ไปรษณีย์ไทย เตรียมยกระดับการดำเนินงานให้อยู่ในรูปแบบของ Tech Post ซึ่งจะมีการใช้เทคโนโลยีอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาคประชาชนที่จะมีบริการรับฝากไปรษณีย์อัตโนมัติ (APM) ซึ่งเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้บริการได้ลดระยะเวลารอคอยใช้บริการที่เคาน์เตอร์ และในยุค Social Distancing การเปิดให้บริการรับฝากทุกวันไม่เว้นวันหยุด โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยว และแหล่งธุรกิจ

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์

ในภาคอีคอมเมิร์ซกับการพัฒนาบริการคลังสินค้าครบวงจร (THP Fulfilment) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ และการยกระดับการขนส่งควบคุมอุณหภูมิผ่านการดำเนินความร่วมมือกับพันธมิตรเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับธุรกิจอาหารสด ผลผลิตทางการเกษตรให้มีความสดใหม่ และรองรับผู้บริโภคในทุกภูมิภาคที่ต้องการสินค้าเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น

ตลอดจนเตรียมขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล  เช่น เทคโนโลยีทดแทนการใช้บริการไปรษณีย์แบบดั้งเดิมจาก Physical mail ไปสู่ Digital Mail ระบบจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร (Total Document Handling : TDH) การพัฒนาแพลตฟอร์ม Fintech ที่ทุกคนจะสามารถจัดการธุรกรรมทางการเงินได้ทุกรูปแบบ หรือแม้แต่กระทั่งช่องทางการค้า e – Marketplace ที่ปลอดภัยและต้นทุนต่ำ เป็นต้น

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังได้ขับเคลื่อนอีกหลายภารกิจสำคัญ โดยเฉพาะภาคสังคมและสาธารณสุข ที่มีทั้งโครงการ “ส่งความห่วงใย ส่งให้สู้ภัย โควิด – 19” บริการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับบุคคลากรด่านหน้าเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 กว่า 250,000 กิโลกรัม การให้ความร่วมมือกับสำนักงานเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร จัดตั้งศูนย์พักคอยโรงเรียนการไปรษณีย์ เขตหลักสี่ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง เพื่อรอการนำส่งต่อไปรักษาที่สถานพยาบาล อีกทั้งยังได้ช่วยลดความแออัดในสถานพยาบาลผ่านการเป็นช่องทางจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ให้ถึงบ้านผู้ป่วย ซึ่งขณะนี้มียอดการขนส่งยาและเวชภัณฑ์จากโรงพยาบาลไปส่งยังผู้ป่วยถึงบ้านแล้วจำนวนกว่า 600,000 ชิ้น จากโรงพยาบาลกว่า 400 แห่ง พร้อมด้วยโครงการ “ไปรษณีย์ reBOX” ที่รวบรวมกล่อง/ซองกระดาษไม่ใช้แล้วจากคนไทย เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์จำเป็นทางการแพทย์ส่งให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วไทย ซึ่งขณะนี้ มีจำนวนรวมกว่า 120,000 กิโลกรัม

 สำหรับในด้านเศรษฐกิจ มีการออกมาตรการเพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการลดภาระต้นทุนการจัดส่งสินค้าด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าจัดส่งแบบ EMS หรือ เปิดให้บริการแบบ Pick-up service รับฝากสิ่งของโดยผู้ใช้บริการไม่ต้องออกจากบ้าน รวมถึงสำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านยอดขายในช่วง COVID-19 ไปรษณีย์ไทยก็ได้มีการเปิดพื้นที่บนเว็บไซต์ Thailandpostmart เป็นช่องทางออนไลน์ในการช่วยจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน

อีกทั้งสนับสนุนการจำหน่ายและขนส่งผลผลิตทางการเกษตร ให้พี่น้องเกษตรกร ซึ่งระบายผลผลิตไปแล้วกว่า 10,817 ตัน ในพื้นที่ 25 จังหวัด สามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลผลิตที่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภค เช่น ลำไยอีดอ จ.ลำพูน  มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบ้านวังทับไทร จ.พิจิตร ทุเรียนภูเขาไฟ จ.ศรีษะเกษ และล่าสุดกับการช่วยจำหน่ายและขนส่งมังคุดให้ชาวสวนในพื้นที่ภาคใต้

“ก้าวสู่ปีที่ 19 ไปรษณีย์ไทย พร้อมร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ยกระดับการให้บริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ นำเทคโนโลยีบูรณาการในการดำเนินงาน เพื่อเข้าใจ เข้าถึง และเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าทุกคน และยังคงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการส่งพลังความห่วงใย ช่วยคนไทยให้รอดในสถานการณ์วิกฤต โควิด – 19 นี้ไปด้วยกัน” ดร.ดนันท์ กล่าว