ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีกระแสข่าวว่าในเร็วๆ นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ จะมีมาตรการจูงใจให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมทั้งที่เป็นธุรกิจและรายย่อย ซึ่งจะมากกว่าที่ได้พักหนี้ระยะสั้น ๆ และต้องเป็นการปรับโครงสร้างหนี้อย่างมีคุณภาพ เช่น การแฮร์คัต หรือลดดอกเบี้ยลงบ้าง เพื่อให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด-19 ได้อยู่รอดในระยะยาว เพราะมีแนวโน้มยืดเยื้อ และธุรกิจบางรายต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว

วันที่ 13 ส.ค.64 นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ดี ต้องรองรับสถานการณ์ระยะยาวได้ และเหมาะสมกับสภาพปัญหาของลูกหนี้แต่ละราย ในระยะถัดไป แบงก์ชาติจึงอยากเห็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ไม่ใช่เป็นการพักหนี้ระยะสั้น ๆ แต่ต้องเน้นให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น โดยมีเมนูที่หลากหลายเพื่อแก้หนี้ได้ตรงจุด เหมาะกับอาการ และสอดรับกับรายได้ของลูกหนี้

“การใช้มาตรการที่เป็นแบบ One size fits all จะไม่ช่วยแก้ปัญหาเท่าที่ควร และอาจสร้างปัญหาต่อเสถียรภาพตามมาได้ เปรียบเหมือนผู้ป่วยโควิด-19 คนที่อาการหนักต้องได้รับการดูแลมากกว่า ได้เข้ารักษาตัวใน ICU ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ คนที่อาการเบากว่าก็อยู่โรงพยาบาลสนามหรือดูแลที่บ้าน แต่คนที่ไม่ป่วยก็ต้องดูแลตนเองเพื่อรักษาให้ระบบยังคงอยู่ได้ ทุกคนไม่สามารถเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ เพราะทรัพยากรมีจำกัด”