“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ จะเป็นเจ้าภาพระหว่าง 21 พ.ย.-18 ธ.ค.65 ว่า ถึงแม้เวลานี้ในประเทศไทย จะยังคงไม่มีภาคเอกชนรายใด ที่ประกาศความชัดเจนในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ให้แฟนๆ ชาวไทยได้รับชมกัน แต่ทว่า กกท. ในฐานะหน่วยงานของรัฐ ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอยู่ตลอด ซึ่งหากท้ายที่สุดไม่มีหน่วยงานเอกชนรายใดที่ซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าว ทางรัฐก็พร้อมจะเข้าไปดำเนินการทันที เพื่อให้คนไทยได้รับชมฟรีและชมสดฟุตบอลโลก 2022
ดร.ก้องศักด กล่าวต่อ คนไทยจะได้ดูการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 สดและฟรี ตามกฎ “มัสต์แฮฟ” แน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ได้เปิดทางให้ภาคเอกชนที่มีความสนใจ หรือกระทั่งโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือ “ทีวีพูล” ในการเข้าไปติดต่อกับเจ้าของลิขสิทธิ์กับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ซึ่งได้ทราบว่ามีเจ้าที่ให้ความสนใจอยู่ด้วย แต่หากในที่สุดแล้วเรื่องลิขสิทธิ์ยังคงไม่คืบหน้า ภาครัฐพร้อมยื่นมือเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้ ส่วนแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ อาจเป็นงบจากรัฐบาลหรือไม่ก็กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ แต่ก็ยังหวังว่าในช่วงเวลาที่เหลือนี้ภาคเอกชนจะสามารถดำเนินการตกลงรายละเอียดและซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 ได้
อนึ่ง ประกาศจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อปี 2555 ว่าด้วยเรื่อง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สําคัญที่ให้เผยแพร่ทางฟรีทีวี กำหนด 7 รายการแข่งขันกีฬาสำคัญ ให้ออกอากาศทางฟรีทีวี เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับชม ตามกฎมัสต์แฮฟ (Must Have) ประกอบด้วย 1 ซีเกมส์ 2 อาเซียนพาราเกมส์ 3 เอเชี่ยนเกมส์ 4 เอเชี่ยนพาราเกมส์ 5 โอลิมปิกเกมส์ 6 พาราลิมปิกเกมส์ และ 7 ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
ทั้งนี้ จากสำรวจข้อมูลจากฟีฟ่า ณ วันที่ 1 ต.ค.65 ระบุว่า ขณะนี้มี 95 ประเทศ ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากฟีฟ่า เรียบร้อยแล้ว โดยยังไม่มีประเทศไทย แต่ในส่วนชาติชาติในภูมิภาคอาเซียน ที่ซื้อลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้วมี 4 ประกอบด้วย บรูไน, กัมพูชา, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
โดยประเทศที่ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 แพงที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา ที่ซื้อแพ็กเกจ 2 ครั้ง คือ ปี 2018 พ่วงปี 2022 จ่ายไปทั้งสิ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา เวียดนาม เป็นประเทศสุดท้ายที่ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดด้วยมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 380 ล้านบาท
ขณะที่ สื่อเวียดนามสำนักหนึ่ง รายงานว่า เวลานี้เวียดนาม กำลังเจรจากับเอเย่นต์ที่ดูแลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของฟีฟ่า ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยระบุว่า ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดครั้งนี้อยู่ที่ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 570 ล้านบาท นั่นหมายความว่าค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 ในส่วนประเทศไทย ตัวเลขในการยื่นซื้อลิขสิทธิ์จะใกล้เคียงกับของเวียดนาม ที่กำลังดำเนินการในเวลานี้
สำหรับฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2022 มี 32 ทีม ร่วมฟาดแข้ง แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมี 4 ทีม แข่งขันแบบพบกันหมด เพื่อหา 2 ทีมเข้าไปแข่งรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ดังนี้ กลุ่ม A ได้แก่ กาตาร์ (เจ้าภาพ), เอกวาดอร์, เซเนกัล, เนเธอร์แลนด์, กลุ่ม B ได้แก่ อังกฤษ, อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา, เวลส์, กลุ่ม C ได้แก่ อาร์เจนตินา, ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก, โปแลนด์
กลุ่ม D ได้แก่ ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, เดนมาร์ก, ตูนิเซีย, กลุ่ม E ได้แก่ สเปน, คอสตาริกา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, กลุ่ม F ได้แก่ เบลเยียม, แคนาดา, โมร็อกโก, โครเอเชีย, กลุ่ม G ได้แก่ บราซิล, เซอร์เบีย, สวิตเซอร์แลนด์, แคเมอรูน, กลุ่ม H ได้แก่ โปรตุเกส, กานา, อุรุกวัย, เกาหลีใต้
ส่วนคู่เปิดสนาม วันที่ 21 พ.ย. จะเป็นการพบกันระหว่าง เซเนกัล พบกับ “กังหันลม” เนเธอร์แลนด์ เวลา 17.00 น. ตามเวลาเมืองไทย