กรณีที่มีเพจดังออกมาเปิดเผยว่า พระเอกวัยรุ่นหนุ่มสุดฮอต ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี มีเอี่ยวกับคดีใหญ่อย่าง Forex 3D เนื่องจากมีคลิปที่ไบร์ทใกล้ชิดกับ อภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหารแชร์ลูกโซ่ Forex 3D ตั้งแต่ปี 2014 และได้อ้างว่า พระเอกหนุ่มมีชื่อเป็นผู้ลงทุนใน Forex 3D ด้วย มูลค่าสูงถึง 775,000 บาท ล่าสุด ไบร์ท วชิรวิชญ์ ได้มาเปิดใจเคลียร์ทุกประเด็นร้อน Forex 3D ที่ช่องวัน ในรายการวันบันเทิง โดยได้ชี้แจงว่า
“ตอนนั้นผมอายุประมาณ 15-16 ครับ ทำรายการสตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก รู้จักกับรุ่นพี่พิธีกรชื่อว่า นิโก้ ซึ่งเป็นคนพาผมไปรู้จักกับพี่รักษ์ ในคลิปตอนนั้นผมอยู่ ม.4 จริง ๆ เป็นวันแรกที่ได้เจอกันเลย ผมไปนอนบ้านพี่นิโก้ ครั้งแรกก็ร้องเพลงกัน อัดคลิป เท่านั้นเอง ส่วนจุดที่เริ่มต้นลงทุน Forex 3D ต้องยอมรับว่าเริ่มจากตัวผมนี่แหละ ตอนนั้นคนรอบตัวผมลงทุนตรงนี้หมด เราเลยรู้สึกว่าน่าจะโอเค น่าจะเชื่อถือได้ ณ วันนั้นผมยังไม่ได้มีเงิน เงินก้อนแรกที่ผมลงทุนไป ขอแม่มาด้วยซ้ำ จำนวน 50,000 บาท และก็ได้ผลตอบแทนมาเรื่อย ๆ ผมเลยพยายามจะเก็บเงิน และรายได้จากการเล่นโฆษณา แคสงาน เงินบางส่วนก็เป็นเงินเก็บของแม่ เรียกว่าเป็นเงินทั้งชีวิตของครอบครัวผมเลย เราเสียไปกับตรงนั้นทั้งหมด จำนวน 775,000 บาท ในวันนั้นเป็นเรื่องที่เราเครียดกันมาก ๆ ถึงขนาดว่า แล้วเงินสำรองครอบครัวหายไปหมดแล้ว แล้วเราต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ แล้วจะต้องยังไง แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดด้วย ถ้าอะไร ๆ ไม่ได้เป็นแบบทุกวันนี้ ผมน่าจะแย่ คงไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไงเลย
ตอน Forex 3D เริ่มมีปัญหาแรก ในช่วงแรก ๆ เรายังติดต่อเขาได้ เขายังพูดให้เรามั่นว่ามันอยู่ในกระบวนการนะ เราก็เชื่อสนิทใจ เพราะเขาคือพี่ที่เรารู้จักมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งอยู่ใกล้เรายิ่งไม่เห็นความจริง คือความโลภครับ เป็นความโลภที่มันบังตา ถ้าเรามองให้ดี ๆ จริง ๆ จะเห็นว่าไม่มีการลงทุนอะไรที่จะให้ผลตอบแทนขนาดนั้นได้ เป็นบทเรียนของตัวผมด้วย ผมคือเหยื่อที่มาลงกับเขาตรงนี้ ไม่ได้ชักชวนใครเลยครับ คือคนที่เล่นตามผมคือคนใกล้ตัวทั้งนั้น คือ แม่ เพื่อนสนิท มีแต่คนใกล้ตัวจริง ๆ แล้วถ้าเกิดผมรู้ว่ามันคือการฉ้อโกง การหลอกลวง ผมคงไม่มีทางปล่อยให้แม่ ให้คนที่ผมรักมาเสียหายตรงนี้ด้วย คงเอาเงินออกมาหมด ไม่ทิ้งไว้จนเงินทั้งครอบครัวผมมันเสียหายแบบนี้
ส่วนเรื่องที่ไม่ตัดสินใจฟ้องร้องหรือแจ้งความ เป็นการตัดสินใจของเราเอง มันคือบทเรียนครั้งสำคัญ เป็นเป็นความพลาดของเรา ผมไม่ได้อยากจะไปกล่าวโทษใครเลยและมันไม่ได้มีใครชักชวน คือเราเห็นเขาทำแล้วมันได้เราก็พุ่งเข้าไปเองจริง ๆ แต่ ณ วันนี้ผมพูดเลยถ้าเกิดว่าทางเจ้าหน้าที่ทางดีเอสไอหรืออะไรก็ตาม อยากจะได้ข้อมูล อยากจะให้ผมเป็นพยานหรืออะไรก็ตาม ผมพร้อมให้ข้อมูลอย่างเต็มที่เลยครับ ยอมรับว่าตั้งแต่มีข่าวผมไม่สบายใจเลยครับ ความเครียดมันไม่ได้ตกอยู่แค่ที่ผม คนรอบตัว แม่ หรืออะไรก็ตาม ทุก ๆ คนเครียดมากคือเรารู้สึกว่า ณ วันนั้นเราเครียดกับผลกระทบที่มันเกิดขึ้น ณ วันนี้มีข่าวขึ้นมาอีกมันก็หนักมาก ๆ จริง ๆ ครับ สุดท้ายผมขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณคนที่เชื่อใจ ขอบคุณแฟน ๆ ที่เชื่อมั่นในตัวผมครับ ผมอยากจะขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้ ให้เป็นบทเรียนที่มันเกิดขึ้นกับตัวผมครั้งนี้ อยากจะให้เป็นบทเรียนสำหรับทุก ๆ คนเลย ไม่อยากให้ใครต้องมาถูกหลอก ไม่อยากให้ใครต้องมาเสียหายกับเรื่องแบบนี้อีกครับ ก็อยากจะขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนครับ”