เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีโซเชียลมีเดียเผยแพร่คลิปเด็กนักเรียนดูดกัญชาภายในโรงเรียน ว่า กรณีนี้ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายบอกว่าห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ใช้ประโยชน์จากกัญชาในทุกกรณี และกฎหมายยังบอกว่าห้ามสูบกัญชาในสถานศึกษา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศมาเรียบร้อยแล้ว ประกาศถือเป็นกฎหมาย ดังนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียน ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตามไปดำเนินคดีแค่นั้นเอง อย่ามาโยง
 
ส่วนที่ดูเหมือนว่าเมื่อออกประกาศมาแล้วยังแก้ปัญหาเรื่องกัญชาที่หลายฝ่ายห่วงไม่ได้ จะมีอะไรที่เข้มงวดขึ้นหรือไม่ นายอนุทินถามกลับว่า “หากขับรถเกินความเร็ว 120 บนทางด่วน คนจับคือใคร” ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า “ตำรวจ” นายอนุทินรับคำว่า “อืม นั่นแหละเหมือนกัน” ส่วนจะคุยกับกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่นั้น ในกฎหมายมีผู้บังคับใช้และเจ้าพนักงานอยู่แล้ว ใครทำผิดกฎหมายก็มีหน่วยงานรับผิดชอบไปดำเนินคดี
 
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายโยงว่าเป็นผลพวงจากนโยบายกัญชาเสรี นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเสนอกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา ซึ่งสภาฯ ได้รับหลักการในวาระแรก และตั้งกรรมาธิการที่มาจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ผู้ทรงคุณวุฒิ จากนั้นกรรมาธิการได้แปรญัตติเพิ่มเติม จาก 45 มาตรา เป็น 95 มาตรา แต่เมื่อนำมาสู่การพิจารณาของสภาฯ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คนที่เคยรับหลักการก็บอกว่าไม่รับหลักการ ไม่พิจารณาโดยที่ไม่ได้อ่านเลย ว่าแต่ละมาตราเป็นอย่างไร ซึ่งเราต้องทำตามกติกา เมื่อเขาไม่รับ ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เราไปยุ่งไม่ได้ เป็นเรื่องของกรรมาธิการว่าจะเสนอกลับไปเมื่อไหร่ อย่างไร เพราะตอนนี้พ้นจากมือพรรคภูมิใจไทยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ผู้ประกอบการทั้งหลายมีระเบียบที่ปฏิบัติได้อยู่และป้องกันได้เป็นอย่างดีไม่มีปัญหา ส่วนรูปต่างๆ ที่ออกมาถ้าให้ตนทำ ตนก็ทำได้  
 
เมื่อถามต่อว่า มั่นใจหรือไม่ว่าร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ….จะผ่านสภาฯ ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า มันพ้นมือของพรรคภูมิใจไทยและกระทรวงสาธารณสุขไปแล้ว เป็นเรื่องของกรรมาธิการ ซึ่งต้องชี้แจง พยายามทำให้มีการพิจารณาให้ได้ ต้องคิดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เพราะ ส.ส.มีหน้าที่พิจารณากฎหมาย ถ้าไม่ทำก็เท่ากับทำหน้าที่ขาดไป

นอกจากนี้ นายอนุทินได้กล่าวขอบคุณคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ในการร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการต่อสู้กับโควิด-19 มาโดยต่อเนื่อง และมีการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชยและเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของ อสม. และ อสส. รวม 1.05 ล้านคน ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโควิด-19 ในชุมชน วงเงิน 2,100.612 ล้านบาท
 
งบประมาณในส่วนนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จะนำไปจ่ายเป็นเงินเพิ่มให้กับ อสม. และ อสส. ในอัตราเดือนละ 500 บาท สำหรับการปฏิบัติภารกิจช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย. 65 จากปกติที่อาสาสมัครแต่ละคนได้รับเงินค่าตอบแทนอยู่แล้วคนละ 1,000 บาทต่อเดือน ทำให้ค่าตอบแทนในช่วง 4 เดือนดังกล่าวนี้จะเพิ่มเป็นเดือนละ 1,500 บาทต่อคนต่อเดือน หรือเท่ากับมีเงินเพิ่มจากปกติในรอบ 4 เดือนนี้รวม 2,000 บาทต่อคน 
 
“ค่าตอบแทนในครั้งนี้ ให้เดือนละ 500 รวม 4 เดือน ไม่ใช่เดือนละ 2,000 บาทตามที่เป็นข่าว” นายอนุทิน กล่าว.