เมื่อวันที่ 26 ก.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความยินดีกับนายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ เบอร์ 2 จากพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถล่มทลาย 301,187 คะแนน อย่างไม่เป็นทางการ ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด ระบุว่า ขอแสดงความดีใจกับนายเศกสิทธิ์ด้วย และขอขอบพระคุณพี่น้องชาวร้อยเอ็ดที่ไว้ใจพรรคเพื่อไทยและนายเศกสิทธิ์ งานใหญ่ไม่สามารถทำสำเร็จโดยคนคนเดียวได้ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย พรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน

ทางด้าน น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ประชาขนต้องการเปลี่ยนแปลง ขอแสดงความยินดีกับว่าที่นายกองค์การบริการส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด คนใหม่คือ นายเศกสิทธิ์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถล่มทลาย 301,187 คะแนน อย่างไม่เป็นทางการ ชนะขาดทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น 

กราบขอบพระคุณทุกๆ คะแนนเสียงจากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดทุกๆ ท่าน เป็นอีกครั้งในประวัติศาสตร์ที่ชาวอีสาน จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายประชาธิปไตยมาโดยตลอด ได้สร้างปรากฏการณ์ร้อยเอ็ดแลนด์สไลด์ เพื่อรักษาเกียรติภูมิและปักธงประชาธิปไตยไว้ที่จ.ร้อยเอ็ด 

“เป็นการส่งสัญญาณสำคัญต่อคนทั้งประเทศว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ประเทศต้องไปต่อและพอแล้วกับรัฐบาลสืบทอดอำนาจ เพื่อให้ประเทศก้าวพ้นจากวิกฤติชาติครั้งนี้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” น.ส.ชญาภา กล่าว

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า บางประการจากการเลือกตั้งนายก อบจ.กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ปราศรัย พบปะประชาชนทั้ง 2 สนาม รวม 20 เวที สัมผัสอารมณ์ความรู้สึก ยืนสบตาคนหลายหมื่นคน พบเห็นข้อสังเกตบางแง่มุมมาเล่าสู่กันฟังครับ 1.ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยออกตัวในฐานะผู้ท้าชิง แต่พลิกกลับเอาชนะแชมป์เก่าขาดลอยทั้ง 2 สนาม 2.แชมป์เก่าทั้งคู่ ครั้งที่แล้วเปิดตัวเป็นพลังประชารัฐ แต่รอบนี้ไม่ได้ยินชื่อพรรคและชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จากทั้ง 2 เวทีแม้แต่ครั้งเดียว ที่ร้อยเอ็ดผู้สมัครบางคนนอกจากลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาล ยังปลดป้ายพรรคออกจากสำนักงาน แสดงตัวเป็นผู้สมัครอิสระนี่คือสภาพถดถอยอย่างยิ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับภาวะผู้นำของแพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่พุ่งขึ้นหลังนำทัพชนะแบบแลนด์สไลด์ 

เชื่อว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง ในพื้นที่เข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เช่น อีสาน เหนือ และ กทม. หากประยุทธ์ยังเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ไม่ว่าในฐานะแคนดิเดตนายกฯ หรืออยู่เบื้องหลัง จะเห็นผู้สมัครพรรคนั้น หาเสียงโดยเน้นคะแนนเขตเพื่อเอาตัวรอด ปล่อยคะแนนพรรคเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ลูกพรรคจะทิ้งประยุทธ์กลางสนาม 3.การบริหารงานทั้งยุคคสช.และหลังเลือกตั้ง ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในความรู้สึกประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นจุดอ่อน และตัวปัญหาใหญ่สุดของรัฐบาล การประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามประยุทธ์กลายเป็นจุดแข็งในการเลือกตั้ง เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันก็จะหาเสียงโดยไม่กล้าพูดชัดว่าจะร่วมรัฐบาลกับประยุทธ์อีก  

4.นอกจากเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ปัญหายาเสพติดก็เป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน คนทั้งประเทศรับรู้ ยาบ้า ยาอี ยาไอซ์มีขายราคาถูกทุกหย่อมหญ้า 8 ปีที่ผ่านมา นายกฯ ไม่เคยลงมือทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ล้มละลายอย่างที่สุดในการแก้ปัญหายาเสพติด 5.เป้าหมายแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย เป็นที่รับรู้ เข้าใจ และตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆ จากประชาชนทุกกลุ่ม ขณะที่อีกส่วนรอความชัดเจนเรื่องนโยบาย ถ้าหลังยุบสภา เพื่อไทยประกาศนโยบายชัดเจนโดนใจ ตอบโจทย์ชีวิตคนส่วนใหญ่ แลนด์สไลด์จะไม่ใช่แค่สโลแกนหาเสียง แต่จะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว หมัดเด็ดของเพื่อไทยหลังจากนี้ คือนโยบาย  

6.ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ตั้งใจรอคอยการเลือกตั้ง กระแสข่าวรัฐประหารที่เริ่มส่งกลิ่นปะทะโดยตรงกับเจตนารมณ์ของประชาชน ถ้าลงมือทำจะเป็นความท้าทายและสุ่มเสี่ยงที่สุดของฝ่ายอำนาจนิยม การยึดอำนาจคงทำได้ แต่ค่าใช้จ่ายทางการเมืองจะสูงเกินคาดเดา ปล่อยให้ประยุทธ์พังไปในการเลือกตั้ง น่าจะเป็นทางเลือกที่ลงตัวกว่า 7.ถ้าประยุทธ์รอด อยู่ต่อได้หลัง 30 ก.ย. สถานะของเขาจะเป็นเหมือนหัวคะแนนหลักของพรรคเพื่อไทย อยู่นานเท่าไร เพื่อไทยก็เข้าใกล้แลนด์สไลด์เท่านั้น ไม่เชื่อก็ลองดู.