เมื่อวันที่ 14 ก.ย. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยอินดอร์และมาเชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย สรุปสาระสำคัญดังนี้ นายพิพัฒน์ แจ้งที่ประชุมให้รับทราบว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติให้จัดสรรงบกลาง เพื่อนำมาใช้จัดการแข่งขันเอเชี่ยนอินดอร์ฯ ได้ แต่ต้องอยู่ในการพิจารณาของสำนักงบประมาณว่าจะสามารถให้ได้เท่าไหร่ และส่วนอื่นๆ ก็ต้องพิจารณาดูว่าจะหางบประมาณใดมาช่วยทดแทนได้บ้าง

โดยการแข่งขันครั้งนี้ ได้รับการยืนยันจากสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-26 พ.ย. 2566 อย่างเป็นทางการ และทางประเทศไทย จะมีการทำรายงานความก้าวหน้าเพื่อไปรายงานในที่ประชุมโอซีเอ ที่จะมีขึ้นที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 2-5 ต.ค. นี้ ต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการยืนยันเพิ่มจำนวนกีฬาจากเดิม 29 ชนิดกีฬา เป็น 33 ชนิดกีฬา โดยกีฬาที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ ฟันดาบ, กาบัดดี้, โรลเลอร์สกี และยกน้ำหนัก

จากนั้นได้มีการพิจารณาแหล่งของงบประมาณในการจัดการแข่งขัน โดย กกท. ได้มีการประเมินค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการแข่งขันอยู่ที่ 1,254,998,000 บาท โดยมีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากเงินสะสมของ กกท. 250,000,000 บาท และจะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสมทบค่าใช้จ่ายในการจัดการแข่งขัน จำนวน 1,004,998,000 บาท

นายณัฐวุฒิ เรืองเวส ในฐานะเลขานุการฝ่ายเทคนิคของการแข่งขัน ตั้งข้อเสนอแนะว่างบประมาณที่คาดการณ์ดังกล่าวหลายเรื่อง มีการประเมินเอาไว้ตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งปัจจุบันบางอย่างมีราคาสูงขึ้น รวมถึงยังมีการเพิ่มชนิดกีฬาด้วย ยังไม่ได้มีการสำรวจสนามว่าต้องปรับปรุงหรือไม่

ขณะที่ ผู้แทนจากสำนักงบประมาณ ได้ชี้แจงว่า อยากให้มีการพิจารณาเรื่องบประมาณในการจัดการแข่งขันใหม่ เพราะว่าจะมีเรื่องของสปอนเซอร์ต่างๆ หรือรายได้ที่จะเข้ามา อยากให้พิจารณาให้ครบทุกแหล่งเงิน รวมถึงการขอให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้พิจารณางบสนับสนุนจัดการแข่งขันตามระเบียบที่สามารถช่วยเหลือได้ เมื่อนำมาหักล้างกันหมดแล้ว ค่อยทำตัวเลขเสนอของบกลางอีกครั้ง

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ชี้แจงว่า เรื่องงบประมาณจะเร่งกลับมาคำนวนอย่างเร่งด่วนภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจะให้ทันการประชุมของบอร์ดกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่จะมีขึ้นช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ ส่วนแหล่งเงินอื่นๆ ที่ยังไม่แน่นอน คงจะยังไม่นำมาคำนวณ ถ้าหากได้มาค่อยนำมาลดค่าใช้จ่ายจากงบกลางต่อไป

หลังการประชุม นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จากงบประมาณที่ต้องใช้ ก็ให้ทาง กกท. ไปสรุปตัวเลขมาใหม่อีกครั้ง เพื่อนำเสนอในคณะกรรมการกองทุนฯ ที่จะประชุมกันในช่วงปลายเดือน ก.ย. ว่าจะมีการให้การสนับสนุนได้หรือไม่ นอกเหนือจากนั้นกระทรวงฯ และ กกท. จะนำตัวเลขที่เหลือไปขอเสนองบกลาง ภายในเดือน ต.ค.นี้ น่าจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี ได้ วงเงินคาดว่าจะไม่เกินนี้ อยู่ราวๆ 1,255 ล้านบาท เพราะบางอย่าง สิทธิประโยชน์จากการคลี่คลายของโควิด-19 จะหาสนับสนุนได้ง่ายขึ้น และยังเป็นการหนุนการท่องเที่ยวด้านกีฬาด้วย

อย่างไรก็ตามทางกระทรวงฯ, กกท. และหน่วยงานอื่นๆ พร้อมดำเนินการจัดการแข่งขันอยู่แล้ว และถ้าเป็นกีฬาระดับนานาชาติแบบนี้ทางรัฐบาลก็จะสนับสนุนงบประมาณอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับงบของ กกท. ส่วนเงินสนับสนุนอื่นๆ จะมีหรือไม่นั้น เราไม่ได้มุ่งหวังเรื่องสปอนเซอร์ แต่เรามุ่งหวังว่าเราสามารถจัดกีฬาระดับนานาชาติแบบนี้ได้ ซึ่งเอเชี่ยนอินดอร์ฯ เป็นเกมใหญ่ที่มีถึง 45 ประเทศ เข้าร่วมแข่งขัน จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทย ที่ทำได้โดยไม่ต้องจ้างผู้จัดการแข่งขันจากประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนเรื่องของการท่องเที่ยว และแสดงศักยภาพของการท่องเที่ยวหลังผ่านจากช่วงไวรัสโควิด-19 อีกด้วย