ยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่ชาวเน็ตติดตามอย่างต่อเนื่องสำหรับเรื่องราวของ ทอยทอย ธนภัทร ที่ก่อเหตุแทงแฟนสาว พิม จนเสียชีวิตคาบ้านพัก 20 แผล ซึ่งหลังจากมีข่าวดังกล่าวออกไป ก็มีชาวเน็ตมากดไลค์พร้อมคอมเมนต์วิจารณ์หลากหลายแง่มุม จนมาล่าสุดกับประเด็นที่หลายคนพุ่งเป้าว่าหรือสาวพิมจะฆ่าตัวตายเอง งานนี้รายการโหนกระแสได้เชิญ คุณแม่ของสาวพิม พี่สาวอย่าง พลอย และ ลิป เพื่อนสนิท มาพูดคุยในรายการ
แม่ เผยว่า “เรื่องทอยทอยคบหากันก่อนหน้านั้นไม่รู้จัก รู้จักเขาเพราะลูกสาวอยู่กับหลานแค่สองคน สามีไปกักตัว ก็เป็นห่วงว่ากลางคืนเขาจะอยู่ยังไง เพราะเขาอยู่กับคุณแม่ ปกติแม่อยู่กับพิม นอนค้างด้วยกัน จากนั้นเขาก็บอกว่ามีน้องกับเพื่อนที่ช่วงนี้ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโดฯ ช่วงที่แม่ไปอยู่กับเจ๊พลอย ให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนได้มั้ย หนูขอห้องแม่ให้ทอยอยู่ แล้วมีเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึง ที่รู้จักทั้งพิมและทอย อยู่ในบ้านสามคน ตอนนั้นขออนุญาตแม่แล้วค่ะ ซึ่งแม่ก็อนุญาตค่ะ แต่วันเกิดเหตุวันนั้นผู้หญิงไม่อยู่ เขามีปัญหาส่วนตัวก็กลับไปบ้านแถวรัตนาธิเบศร์ แล้วบอกจะกลับมาตอนกลางคืนแต่เขาไม่สบาย ไม่ได้กลับมาในคืนนั้น ทอยมาอยู่บ้านแม่กับพิมวันที่ 28 ก.ค. ค่ะ แค่ไม่กี่วันเอง พิมเขาจะบอกแม่หมดค่ะ เขาไม่เคยปิดบังแม่สักครั้ง ถ้าเขารักชอบคนไหนจะไม่ปิดบัง เขาจะบอกเลย แต่อย่างทอยเขาบอกว่ายังไม่ใช่แฟน น้องๆ แต่ต่อไปเดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่ ณ เวลานั้นเขาบอกว่าไม่ใช่แฟนน้อง เขาสงสารน้อง น้องไม่มีงาน”
“เรื่องพิมถือมีดมาแม่ไม่เชื่อค่ะ ลูกไม่เคยเดินเข้าครัวค่ะ แล้วลูกสายตาสั้น หาของอะไรไม่เจอ ของอะไรก็แล้วแต่ถ้าแม่เปลี่ยนที่ปุ๊บเขาหาไม่เจอเลย แล้วเขาเป็นคนที่ถ้าไม่เจอก็ไม่หา จะโทรฯถามแม่ คืนก่อนเกิดเหตุ วันนั้นทอยก็มาช่วย พอดีมีดมันไม่คม ก็เอามีดอันนี้มาช่วยหั่นผัก แม่ล้างเก็บแล้วซ่อนไว้เหมือนเดิม คนรู้ที่มามีดคือทอย มีแค่ทอยคนเดียว ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ เพราะพิมไม่เข้าครัวถ้าพิมเข้าไปในครัว โดยธรรมชาติคนไม่เข้าครัว เขาต้องหาก่อน อย่างน้อยถ้าเขาควานหาอะไรสักอย่างก่อนเจอมีดเล่มนั้น ถ้าแม่เก็บไว้มิดชิด แต่ในครัวมันปกติมาก ไม่มีร่องรอยการรื้อ ของปกติมาก ไม่กระจัดกระจาย คนที่รู้และหามีดได้เลยคือทอยค่ะ เพราะมีดเล่มนี้พิมไม่เห็นนานแล้ว เขายังถามเลยว่ามีดที่แม่ซื้อมาใหม่คมๆ เอาไปไว้ที่ไหนจะหั่นของ มีแต่มีดไม่คม แม่ก็บอกว่าไม่รู้อยู่ไหน เดี๋ยวหาให้ส่วนเรื่องทอยส่งข้อความมาหาก่อนวันก่อเหตุ เขาแอดไลน์มาเอง แม่ไม่เคยคุยกับเขา เพราะเพิ่งเข้าบ้านมาได้ไม่กี่วันเขาไม่ได้สัญญาอะไรกับแม่นะ คือเวลาแม่จะออกจากบ้านตอนเย็น แม่จะบอกว่าดูแลกันดีๆ นะ แม่ไปแล้ว ผู้หญิงที่อยู่ด้วยอีกคนแม่ก็จะบอกแบบนี้”
แม่ เล่าต่อว่า “เรื่องตุ๊กตาในมือแม่ เป็นตุ๊กตาที่เขาชอบ เขาเข้าฝันให้เล่นกันตุ๊กตาเขาหน่อย เดี๋ยวเขาเหงา (ร้องไห้) เขาไว้ที่หัวเตียง น้องพิมรักครอบครัว รักหลาน ตัวนึงที่รักมาก หลานขอก็ให้หลานไป แล้วเขาซื้อใหม่ เมื่อคืนเขาบอกว่าให้เล่นตุ๊กตาเขาหน่อยนะ เรื่องความฝัน พอดีตัวนี้อยู่บนเตียง ก็หยิบตัวนี้มา เราคิดว่าคงอยากให้เอาตัวนี้มา (เสียงสั่นเครือ) เรื่องอโหสิกรรมให้ทอย แม่อโหสิให้ ไม่อยากให้ลูกมีห่วงหรืออะไร อยากให้ลูกไปสบาย แม่กังวลใจเรื่องข้อกฎหมายเหมือนกัน อยากให้ลูกได้ความยุติธรรมค่ะ ฝากถึงทอยอยากบอกว่าเขาทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ และแม่ก็รู้ว่าลูกแม่ไม่มีวันทำในสิ่งที่เขากล่าวหา”
พลอย เผยว่า “หนูสนิทค่ะกับพิม บ้านเราสนิทกัน มีอะไรคุยกันอยู่แล้ว เรื่องทอยเขาไม่เคยเล่าค่ะ มารู้จักกันวันที่ทอยจะเข้าบ้านไป พอดีว่าทอยกับพิม และผู้หญิงอีกคน เขาช่วยขนเสื้อผ้าแม่มา ระหว่างแม่มาอยู่บ้านพลอย พิมก็แนะนำว่าน้องเป็นดารา รู้จักแค่นั้นเอง เรื่องคนหยิบมีดคือทอย อันนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตของครอบครัวนะคะ ส่วนเรื่องอาการของพิม น้องเราไม่สบายจริงค่ะ เป็นโรคซึมเศร้าและโรคไพโบลาร์ ซึ่งมีการรักษาต่อเนื่องมา 2 ปี ระหว่างนี้เราไม่ปฏิเสธว่าน้องเคยมีความคิดที่จะพยายามฆ่าตัวตาย แต่ทุกครั้งที่ทำเขาก็ทานยาที่คุณหมอจ่ายโรคซึมเศร้า ยานอนหลับ บางครั้งแม่ยังบอกว่าบางทีเขาก็กลัวตายเหมือนกัน บางทีทานยาไปแล้วโทรฯบอกเพื่อนให้พาไปหาหมอ จริงค่ะ ที่เขาเคยมีความคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ทางเราเชื่อเหลือเกินว่าไม่ใช่ทางที่พิมเลือกแน่นอนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่มีทางเอามีดมาแทงหน้าอกตัวเอง ขนาดเขาเคยฆ่าตัวตาย แม่ถาม เขาเคยบอกแม่ว่าเขากลัวไม่สวย”
“เรื่องทอยได้ประกันตัว เรื่องได้ประกันหรือไม่ก็สิทธิของเขา ยังไงเขาก็ต้องชดใช้กรรมอยู่แล้ว แต่ถ้าตามกฎหมายก็อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เขาควรได้ชดใช้กรรมของเขา พลอยอยากพูดเรื่องกระแสสังคม ที่มองน้องที่เป็นโรคไม่ว่าจะซึมเศร้าหรือไบโพลาร์ จริงค่ะน้องเป็นโรค แต่ไม่ว่าคนปกติหรือคนมีโรคไบโพลาร์ ซึมเศร้า ไมได้หมายความว่าเขาสมควรต้องมาเจออะไรแบบนี้ แล้วคนที่บอกว่าน้องสาวหนูแทงตัวเอง คุณเคยลองแทงตัวเองมั้ย แทงแล้วคุณสามารถแทงซ้ำๆ จนหมดลมหายใจได้มั้ยคะ ถ้าเรื่องนี้เกิดกับครอบครัวคุณ พวกคุณจะรู้สึกยังไง”
ลิป เผยว่า “เรื่องข้อความที่ผมโพสต์ เขาไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เขาตกลงกันยังไงผมไม่รู้ แต่ระยะเวลาผมแค่ 13 วันไม่สามารถเป็นแฟนกันได้ ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันเลย ลิปรู้วันแรกที่เขารู้จักกัน วันนั้นพิมไปถ่ายแบบวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ผมไปด้วย ตอนกลางวันมีโมเดลลิ่งคนนึง ผมไม่รู้ชื่ออะไร วันที่ 24 ก.ค. ตอนเที่ยง มีโมเดลลิ่งทักมาหาพิมว่าช่วยรับน้องคนนี้ไปทำงานด้วยได้มั้ย พิมถามทำงานอะไร เขาให้ผมดูแชตทุกอย่าง เห็นพิมมีแบ็กดี ตอนนี้น้องไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโดฯแล้ว ถามว่าเขารักกันไหม ถ้ามองในความรู้สึก พิมรักคนแล้วทุ่ม เขาอาจจะรักและรู้สึกดี แต่ใช้ระยะเวลาในการดูไปก่อน แต่ถ้ามองมุมมองของทอย ผมว่าเขาไม่ได้เข้าหาพิมด้วยความรู้สึกรัก ถ้าเขารักพิมจริง คนเรารักกันถ้าทะเลาะกัน สมมุติพิมเป็นคนถือมีดเข้ามาอย่างที่เขาอ้าง”
“ส่วนเรื่องแชตที่ทอยบอกว่าพิมจะทำร้ายครอบครัวเขา ไม่น่าครับ ถ้าพิมถือมีดอย่างที่เขาอ้างจริง ถ้าทอยรักพิมเขาต้องยอมแล้ว ไม่ใช่เดินไปแย่งมีดจากมือ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าพิมมีโรคประจำตัวคือยังไง ก่อนหน้านั้นรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนที่อยู่ด้วยก็เคยเตือนทอยแล้ว ถ้ารับไม่ได้อย่าเดินเข้ามาในชีวิตพิม ทอยก็บอกว่ารับได้ แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ ทำไมถึงใช้กำลังในการทำร้ายพิมแบบนั้น ส่วนเรื่องที่แฟนคลับทอยอาจไม่พอใจว่าทำไมพิมไม่เคยเข้าครัวเลย แม่เอามีดไปซ่อนทำไม ไม่ให้ลูกผิดเลยเหรอ มีคนคิดแบบนั้น ยืนยันว่าการรู้จักกันครั้งนี้ ไม่ได้เริ่มจากความรัก เกิดจากโมเดลลิ่งแนะนำมาคือผมเห็นแชตทุกอย่าง พิมเอาให้ผมดูเอง ว่ามีโมเดลลิ่งทักมา เป็นดาราจะให้เรียกมางานวันนี้ ผมว่าไม่ต้องเรียกหรอก อยู่กินกันเองดีกว่า เพื่อนๆ ก็คอยเตือนกัน พิมเขาก็แซวว่าจะเรียกดีมั้ย วันนั้นผมกลับก่อน พอกลับถึงห้องเห็นสตอรี่ว่าพิมเรียกเขามาแล้ว ก็ปกติดีเหมือนที่เคยกินสังสรรค์กันทั่วไป อยู่ๆ อีกวันพิมเขาลงสตอรี่อีก ก็อ้าว ชอบกันหรือเปล่า”
ขอขอบคุณภาพประกอบจากรายการโหนกระแส