ความเคลื่อนไหวของทีมนักกีฬาพาราทีมชาติไทย ที่กำลังเตรียมความพร้อมเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 24 ส.ค.-5 ก.ย.64 โดยปีนี้มีนักทีมพาราไทย ได้สิทธิเข้าร่วมชิงชัยทั้งหมด 75 คน จาก 14 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย เทควันโด, ยิงธนู, แบดมินตัน, วีลแชร์ฟันดาบ, ยกน้ำหนัก, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, กรีฑา (ลู่, ลาน, วีลแชร์เรซซิ่ง), จักรยาน, ยิงปืน, วีลแชร์เทนนิส, บอคเซีย, ฟุตบอลตาบอด และยูโด ซึ่งถือเป็นการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ที่มีนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ผ่านเข้าไปร่วมแข่งขันจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด “น้องแวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบหญิงทีมชาติไทย วัย 47 ปี ดีกรีเหรียญทอง พาราลิมปิกเกมส์ 2004 และ 2012 เปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ยาวนานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปีกว่าแล้ว ทำให้สภาพร่างกายหรือจิตใจพร้อมเกินร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนเรื่องที่กังวลก็คงเป็นเรื่องประสบการณ์ที่แพ้ในพาราลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล ซึ่งเกิดจากความตื่นเต้น ทำให้ต้องกลับมาแก้เรื่องการคุมอารมณ์ของตนเองว่าผ่านเข้าชิงชนะเลิศแล้วเราจะนิ่งได้แค่ไหน แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเมื่อแข่งขัน

ส่วนเป้าหมายในพาราลิมปิกเกมส์ 2020 เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยคือเราจะต้องคว้าเหรียญทองมาครองให้ได้ และยืนยันด้วยว่าพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้จะยังไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน เพราะที่ผ่านมาตนเองตั้งเป้าหมายของตัวเองแล้วจะต้องไปแข่งพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ให้ได้อีกครั้ง จากนั้นก็จะประกาศอำลาทีมชาติเลย เพราะด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

“ที่ผ่านมาต้องบอกรับว่าคณะกรรมการพาลิมปิกแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะ “บิ๊กนิดหน่อย” นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ให้การสนับสนุนพวกเรามาเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำดื่มสิงห์ หรือ อุปกรณ์การฝึกซ้อมหรืออุปกรณ์การแข่งขัน หากเราขาดเหลืออะไรท่านพร้อมที่ซัพพอร์ตพวกเราอย่างเต็มที่ อีกทั้งที่ผ่านมายังคอยผลักดันเรื่องเงินรางวัลและเรื่องอื่นๆ เป็นอย่างดีอีกด้วย”

สำหรับ สายสุนีย์ จ๊ะนะ เป็นหนึ่งนักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบความหวังเหรียญทองของทีมพาราลิมปิกไทย ผ่านประสบการณ์ผ่านการลงแข่งขันในพาราลิมปิกเกมส์มาอย่างต่อเนื่องถึง 5 สมัยติดต่อกัน และครั้งนี้จะเป็นสมัยที่ 6 โดยเคยคว้าเหรียญมาแล้วถึง 2 เหรียญทอง จากประเภทดาบเอเป้ คลาส B ปี 2004 และ 2012 และอีก 2 เหรียญทองแดง ประเภทดาบฟอยล์ คลาส B ปี 2004 และดาบเอเป้ คลาส B ปี 2008 ส่วนครั้งล่าสุด ปี 2016 คว้าเหรียญเงินมาครอง.