นายศุภลักษณ์ พาฬอนุรักษ์ โฆษกกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการปิโตรเลียมว่า ได้เห็นชอบให้อนุมัติกำหนดพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมนงนุช จำนวน 363.05 ตารางกิโลเมตร ซึ่งอยู่ในแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย หมายเลข จี11/48 บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดนราธิวาส เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1 แห่ง ซึ่งมีบริษัท เอ็มพี จี 11 (ประเทศไทย) เป็นผู้ดำเนินงาน โดยเบื้องต้นได้ประเมินอัตราการผลิตน้ำมันดิบจากพื้นที่ผลิตดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งบริษัทผู้ดำเนินงานมีแผนจะผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงปี 64-76

“แม้ว่าในปัจจุบัน จะยังไม่เปิดให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ใหม่ๆ เพิ่มเติม แต่การดำเนินงานในสัมปทานเดิม ก็ได้สำรวจพบ และอนุมัติพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติมอยู่บ้าง ซึ่งการอนุมัติพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมนงนุชครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในประเทศ จากเดิมที่มีการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งปิโตรเลียมทั้งบนบกและในทะเลอยู่ที่ประมาณ 1.25 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนับเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานจากแหล่งในประเทศเพิ่มขึ้น”

ทั้งนี้แปลงสำรวจในอ่าวไทยหมายเลข จี 11/48 (รอบที่ 19) แปลงนี้เคยมีพื้นที่ผลิตน้ำมันดิบ 2 พื้นที่ คือ พื้นที่ผลิตนงเยาว์ และพื้นที่ผลิตนงเยาว์ส่วนขยาย สำหรับ พื้นที่ผลิตนงนุช เป็นพื้นที่ที่ได้รับอนุมัติเป็นพื้นที่ผลิตล่าสุด

รายงานข่าวจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ปีนี้กรมฯ เตรียมเปิดให้เอกชนยื่นสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ หรือรอบที่23 เป็นการเปิดครั้งแรกในรอบ 13 ปีนับจากปี 50 คาดว่า  สามารถออกประกาศเชิญชวน หรือทีโออาร์ ให้เอกชนเข้ามายื่นสำรวจฯได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ และจะใช้เวลาพิจารณาเห็นชอบ และอนุมัติสเร็จภายในสิ้นปีนี้ ลงนามกับเอกชนได้ภายในม.ค.64 โดยเปิดให้ยื่นสำรวจฯครั้งนี้ จะเน้นพื้นที่ในทะเลอ่าวไทย ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือพีเอสซี คาดว่า จะก่อให้เกิดการลงทุนสำรวจขั้นต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท