เป็นข่าวใหญ่ของวงการเคป็อบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  สำหรับการที่สมาชิกบอยแบนด์ดัง ระดับแถวหน้า  อย่าง “ก็อตเซเว่น (GOT7)”  นำโดย แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล สมาชิกสายเลือดไทย ,  เจบี ลีดเดอร์, มาร์ค, แจ็คสัน, จินยอง, ยองแจ และ ยูคยอม  ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทางต้นสังกัด  “เจวายพี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (JYP Entertainment)”  แบบยกวง ทำให้บรรดาแฟนคลับ ที่มีชื่อเรียกว่า “อากาเซ่ (I GOT7)” รวมไปถึงแฟนเพลงเคป็อบรู้สึกช็อคและสะเทือนใจอย่างมาก  เพราะต้องบอกว่า มีหลายคนที่โตมากับทั้ง 7 หนุ่ม และมี “GOT7”  เป็นเหมือนเพื่อน  หรือแรงบันดาลใจ และเมื่อหนุ่ม ๆ ตัดสินใจปิดฉาก 7  ปี ในฐานะบอยแบนด์ภายใต้ต้นสังกัด JYP ก็คงทำให้หลายคนอดใจหายไม่ได้  และล่าสุดหนุ่ม ๆ ก็เพิ่งเดบิวท์ครบ 7 ปีที่ได้อยู่ด้วยในฐานะ “GOT7”  วันนี้ “ฮานึล” ขอรวบรวมเรื่องราวของ  “GOT7”  ในครั้งนี้  พร้อมเรื่องราวความรักและผูกพันของพวกเขาและแฟน ๆ มาฝากกัน 
 

 
สำหรับ  “GOT7” เป็นบอยแบนด์ที่ประสบความสำเร็จในวงการเคป็อป และเป็นที่รู้จักในเวทีโลก หนุ่ม ๆ เดบิวท์ในปี 2014  ด้วยมินิอัลบั้มแรก “GOT It” โดยมีเพลงเปิดตัวสไตล์ฮิปฮอบ   อย่าง “Girls Girls Girls”  และมีเดบิวท์โชว์เคส  “GOT7 Garage Showcase”  ซึ่งในงานนั้นหนุ่ม ๆ โชว์เสน่ห์แบบจัดเต็ม  พร้อมแสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะการเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่แข็งแรง ซึ่งมีทั้งเบรคแดนซ์  ตีลังกา พร้อมนำศิลปะการต่อสู้ Martial Arts Tricking ผสานการเต้นบีบอย  กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  เรียกความสนใจจากแฟน ๆ อย่างมาก
 

ก่อนตามด้วยอีกหลากหลายผลงาน ทั้ง มินิอัลบั้มที่ 2 “Got Love”  มีเพลงไตเติ้ลว่า “A” ที่หนุ่ม ๆ มาในลุคสดใส  และเพลงน่ารัก  ซึ่งในเพลงนี้ได้ตกแฟน ๆ เข้าด้อมได้เพิ่ม ขยายฐานแฟนคลับออกไปมากขึ้น  จากนั้นจึงปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรก ชื่อ “Identify”  พร้อมซิงเกิ้ลเปิดตัว  “Stop stop it”  ตามด้วยผลงานสุดปัง ในปี 2015 อย่าง มินิอัลบั้ม “Just Right”  ที่มีเพลงไตเติลชื่อเดียวกับอัลบั้ม  “Just Right”  เพลงสุดคิ้วท์ ฟังสบาย เนื้อหาเต็มไปด้วยพลังบวก ซึ่งหนุ่ม  ๆ กลับมาพร้อมกับภาพลักษณ์สดใส ทั้งคอสตูม ท่าเต้น และดนตรี รวมไปถึงเอ็มวีเพลงนี้ มีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด จึงไม่แปลกใจที่เพลงจะประสบความสำเร็จอย่างสูง
 

 
ก่อนที่หนุ่ม ๆ จะพลิกลุคเป็นหนุ่มเท่สุดฮอต และมีความดาร์คขึ้น  ในมินิอัลบั้ม  “MAD” ที่มาพร้อมเพลงเปิดตัวเกรี้ยวกราด  เนื้อหาเชิงตัดพ้อคนรัก  อย่าง “If You Do” ที่ทำให้ “GOT7” ได้โชว์เสน่ห์อีกด้าน  ที่เติบโตมากยิ่งขึ้น  
 

จากนั้นหนุ่ม ๆ ได้โชว์เสน่ห์ที่หลากหลาย ผ่านอัลบั้มไตรภาค  เริ่มที่ปฐมบทของอัลบั้ม อย่าง   “ FLIGHT LOG : DEPARTURE”   ที่มีเพลงเปิดตัว  “Fly”  ในลุคที่เต็มไปด้วยพลัง  บอกเล่าถึงการชวนออกไปโผบินกับหนุ่ม ๆ ที่พยายามบินให้สูงขึ้น โดยไม่ย่อท้อ ก่อนตามมาด้วยอัลบั้มใหม่ในปี 2016 ที่เป็นซีรี่ส์ต่อ  “FLIGHT LOG : TURBULENCE”  พร้อมเพลงสุดเดือด  “Hard Carry”  เป็นเพลงไตเติล  ที่เนื้อเพลงพร้อมบวก ท้าชนทุกอุปสรรค ที่ขัดขวางการโผบินสู้เส้นชัย  โดยทั้ง  7 หนุ่มมาพร้อมคอนเซ็ปที่ดาร์คขึ้นอีกครั้ง  ซึ่งผลงานครั้งนี้ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จัก และยังได้รับรางวัลใหญ่ ๆ ในระดับอินเตอร์มากยิ่งขึ้น ก่อนถึงบทสรุป  กับมินิอัลบั้ม  “FLIGHT LOG : ARRIVAL”  ที่ปล่อยในปี  2017 พร้อมเพลงไตเติล “Never Ever”  ดนตรีแนวฮิปฮอปผสมอีดีเอ็ม  ซึ่งการคัมแบ็ครอบนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ทั้งยอดขายวันแรกทะลุ 60,000 อัลบั้ม ยอดวิวในยูทูปแตะ 5 ล้านวิว ภายใน 28 ชั่วโมง  รวมทั้งชาร์ตไอจูนส์  ที่เพลง “Never Ever” ติดอันดับ 1 ใน 6 ประเทศ ทั้งในไทย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง สิงคโปร์ เวียดนาม และไต้หวัน 
 

ตามมาด้วยปล่อยมินิอัลบั้มสุดพิเศษ  “7 for 7”  กับการถ่ายทอดมิตรภาพของทั้ง 7หนุ่ม โดยเรื่องราวในเอ็มวีเพลงโปรโมต อย่าง  “You Are” เล่าถึงการมารวมกันเป็น 7 คน โดยแต่ละคนมีสร้อยที่มีจี้ทรงสามเหลี่ยม และเมื่อนำมาต่อกันจะได้เป็นรูปเจ็ดเหลี่ยม  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ  “GOT7”  ซึ่งเพลงนี้ เจบี เป็นผู้แต่งเนื้อเพลง   ซึ่งถือเป็นเพลงไตเติ้ลเพลงแรกของเขา พร้อมแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาในด้านดนตรีของศิลปินหนุ่ม โดย ลีดเดอร์คนเก่งเผยความหมายเบื้องหลังเพลงนี้ว่า “You Are”  พูดถึงใครคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต และเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่  ซึ่งอาจหมายถึง  “GOT7”  ครอบครัว และแน่นอนก็คือ  “อากาเซ่” 
 

จากนั้นจึงปล่อยมินิอัลบั้ม “EYES ON YOU”  ในปี  2018   พร้อมเพลงไตเติล “Look”  ที่ เจบี มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลง   ต่อด้วยอัลบั้มเต็ม “Present : YOU”  พร้อมไตเติ้ลแทร็ก “Lullaby”  ที่ทำออกมาถึง 4 ภาษา ทั้งเกาหลี จีน อังกฤษ และ สเปน  และอัลบั้มรีแพ็กเกจ “PRESENT: YOU&ME” โดย “Miracle ” เป็นไตเติลแทร็ก ในปี  2019  หนุ่ม ๆ ปล่อยอัลบั้ม “SPINNING TOP : BETWEEN SECURITY & INSECURITY”  พร้อมเพลงไตเติล “ECLIPSE”  ที่ เจบี มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลงอีกครั้ง  ซึ่งยังคงทำยอดขายได้ดี รวมทั้งมินิอัลบั้ม “Call My Name” ด้วย
 

ในปี 2020 พวกเขากลับมาพร้อม มินิอัลบั้มชุดใหม่ “DYE”  พร้อมเพลงไตเติล “NOT BY THE MOON”  ซึ่ง ปาร์ค จินยอง ประธานค่ายมาร่วมแต่งเนื้อร้อง ทำนอง และเรียบเรียงเพลงให้ ขณะที่สมาชิกเองก็มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลง  ซึ่งอัลบั้มนี้ได้ทำลายสถิติใหม่ของวง  อาทิ ทำยอดขายสัปดาห์แรกสูงสุดในบรรดาอัลบั้มทุกชุดของพวกเขา บนชาร์ต เฮนโต , ทะยานขึ้นอันดับที่ 4 บนชาร์ต บิลบอร์ด เวิลด์อัลบั้มชาร์ต   และมียอดการซื้ออัลบั้มเกิน 400,000 อัลบั้ม เป็นต้น และเมื่อเดือน พ.ย ปีที่แล้ว  หนุ่ม ๆ ก็ปล่อยอัลบั้ม “Breath of Love: Last Piece” พร้อมดับเบิลไตเติลแทร็ก “Breath”  ที่สื่อถึงช่วงเวลาที่ลมหายใจเต็มไปด้วยความรัก ตั้งแต่ได้พบกับอีกฝ่าย เหมือนกับพรหมลิขิต ซึ่ง ยองแจ  มีส่วนในแต่งเนื้อร้องและทำนอง  และเพลง “Last Piece”  ที่แต่งเนื้อร้องและทำนองโดย เจบี  ถ่ายทอดกับการบอกว่า ต้องมีคุณที่เป็นเหมือนชิ้นส่วนสุดท้าย  เราถึงจะสมบูรณ์แบบ โดยหลังจากที่ได้ปล่อยผลงานออกมา ก็ได้ขึ้นทำลายสถิติไอทูนส์ ยูเอส  อันดับที่ 1 ครั้งเเรก  ทั้งเพลงไตเติ้ล เเละอัลบั้ม  รวมทั้งมียอดขายอัลบั้มกว่า 400,000 อัลบั้มภายในสัปดาห์เเรก อีกด้วย
 

ซึ่งนอกจากผลงานในฐานะวงสุดปังแล้ว   การทำกิจกรรมเดี่ยวของหนุ่ม ๆ ก็ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นไม่แพ้กัน และยังทำให้แฟน ๆ ได้เห็นภาพลักษณ์และความสามารถพวกเขาในด้านใหม่ ๆ อาทิ เจบี ได้ทำเพลงในนาม ‘DEFSOUL’  และโชว์ความสามารถในฐานะศิลปินเดี่ยว ผ่าน Sound Cloud  และยังร่วมฟีทเจอริ่งในอัลบั้มของศิลปินหลายคน ทั้ง Primary  และ  Deepshower   ด้าน ยองแจ ได้เปิดแอคเคาท์ Sound Cloud  ภายใต้ชื่อในวงการทำเพลง “Ars”  ขณะที่ จินยอง ไปได้สวยกับงานแสดง อาทิ  “Legend of the Blue Sea”  , “He Is Psychometric”  และ “When My Love Blooms” รวมถึงภาพยนตร์ “ A Stray Goat” เป็นต้น
 

ส่วน  แจ็คสัน  ได้ปล่อยผลงานเดี่ยวชุดแรก กับอัลบั้ม  “Mirrors”  ที่เปิดตัวในชาร์ตบิลบอร์ดส  200 ของสหรัฐ  ด้วยอันดับที่ 32  รวมทั้งเขายังได้ทำงานเพลงระดับอินเตอร์ ทั้งร่วมกับค่ายเพลงจากฝั่งอเมริกา อย่าง 88Rising  ในเพลง “Faded”  รวมถึงดึงแรปเปอร์ชาวอเมริกัน Gucci Mane มาร่วมงานในเพลง “Different Game”  เป็นต้น ด้าน  มาร์ค  ก็มีซิงเกิ้ลเดบิวต์ในจีน  “Outta My Head”  ที่ปล่อนผ่านแพลตฟอร์ม  ‘QQ Music’ พร้อมเสียงตอบรับที่ดีมาก และไต่ชาร์ตขึ้นอันดับ 1 ได้ทันที ขณะที่ แบมแบม ต้องว่าขึ้นแท่นเป็นเจ้าพ่อพรีเซ็นเตอร์ในไทย  แถมยังได้โชว์อีกหนึ่งทักษะด้านดนตรี กับการมาร่วมแต่งทำนอง และร้องเพลง “พี่ไม่หล่อลวง” เพลงประกอบภาพยนตร์  “อ้าย..คนหล่อลวง” ที่ตอนนี้ยอดวิวในยูทูปทะลุ 23 ล้านวิวไปแล้ว รวมทั้งพวกเขายังมีอัลบั้มญี่ปุ่นอีกหลายอัลบั้ม  โดยปลายปี พ.ศ. 2557 “GOT7”  ได้เซ็นสัญญากับ “โซนี่ มิวสิค เอ็นเทอร์เทนเมนต์ เจแปน” ด้วย
 

เรียกว่าผลงานแต่ละชิ้นล้วนสะท้อนถึงการค่อย ๆ เติบโตของหนุ่ม ๆ จากในระดับประเทศ ก้าวขึ้นสู่ในระดับโลก อย่างแท้จริง นอกจากนี้หนุ่ม ๆ ยังคว้ารางวัลบนเวทีต่าง ๆ อีกมากมาย  อาทิ ‘Best Worldwide Act’ จากงาน MTV Europe Music Awards (MTV EMAs) , รางวัลแดซัง Performance of the Year  จากเวที  Asia Artist Awards   2019 และ รางวัล Worldwide Fans’ Choice จากเวที  Mnet Asian Music Award  เป็นต้น แต่เส้นทางการเดินทางนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะสวยงามอยู่เสมอ โดยเฉพาะดราม่าเมื่อ JYP แบ่งทีมดูแลศิลปินในค่าย 4 ทีม และ “GOT7” ได้มาอยู่ทีมสอง  ซึ่ง “อากาซ่า” มองว่า “GOT7”  ได้รับการดูแลไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้แฟน ๆ ยังมองว่าการคัมแบ็กล่าสุดของหนุ่ม ๆ ก็ไม่ได้รับการโปรโมตที่ดีพอด้วย กระทั่งเริ่มมีข่าวการหมดสัญญาของ  “GOT7”   และการที่สมาชิกบางคนเริ่มข่าวไม่ต่อสัญญา
 

 
เริ่มที่  จินยอง ที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่ากำลังอยู่ระหว่างพูดคุยกับค่าย  BH Entertainment  ค่ายจัดการนักแสดงชื่อดัง ส่วน  ยูคยอม ที่ได้รับการทาบทามจากค่ายฮิปฮอปชื่อดังของเกาหลี อย่าง AOMG  ตามรายงานล่าสุดทั้งสองฝ่ายเหลือเพียงแค่การเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ  ด้าน ยองแจ  ได้รับข้อเสนอจากค่าย  Sublime Artist Agency  ส่วน  เจบี  นั้นได้รับการติดต่อจากค่ายเพลงฮิปฮอปหลายค่าย รวมถึงค่ายเพลงระดับโลกก็สนใจร่วมงานกับเขา ขณะที่  แจ็คสัน เตรียมตัวที่จะทำกิจกรรมภายใต้ค่ายตัวเองในชื่อ  Team Wang   ซึ่งแพลนโปรโมตทั้งในเกาหลีและในต่างประเทศ  ส่วน  แบมแบม  ได้รับขอเสนอจากค่าย Makeus Entertainment  นอกจากนี้เขายังกำลังดูรายละเอียดเกี่ยวกับการทำกิจกรรมในประเทศไทยด้วย  ปิดท้ายที่ มาร์ค มีรายงานว่าจะกลับไปใช้เวลากับครอบครัวที่สหรัฐอเมริกา  และจ่อทำช่องยูทูปของตัวเอง รวมทั้งอาจทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยวที่อเมริกาด้วย  นอกจากนี้ Dispatch ยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า แหล่งข่าวคนสนิทที่ใกล้ชิดกับสมาชิกระบุว่า “สมาชิกทุกคนรักวง “GOT7”  มาก แม้ว่าพวกเขาตัดสินใจทำงานเดี่ยวกัน แต่พวกเขาตกลงกันว่า จะกลับมาทำงานในฐานะวง “ก็อตเซเว่น”   อีกแน่นอน”

ทั้งนี้งานสุดท้ายที่หนุ่มปรากฎตัวพร้อมกันทั้ง 7 คนในฐานะศิลปินค่าย  JYP คือ “ Golden Disc Awards ครั้งที่ 35”  พร้อมแสดงเพลง  “NOT BY THE MOON  ”  และ “Breath”เป็นสเตจปิด อย่างสวยงาม  รวมทั้งหนุ่ม ๆ ยังคว้า รางวัลบอนซังอัลบั้ม  (Best Album Bonsang) อีกด้วย และแม้ว่าต่อไปพวกเขาจะไม่ได้ทำงานร่วมกัน แต่มิตรภาพของทั้ง 7 หนุ่มยังคงอยู่เสมอ โดย มาร์ค ได้โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์  “สำหรับ 7 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม มันยังไม่ใช่จุดจบ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น พวกเราทั้ง 7 คนจะยังนำเสนอในด้านที่ดีที่สุดของพวกเราให้ทุกคนได้เห็นกันต่อไปอีกแน่นอน  #GOT7FOREVER”  ขณะที่สมาชิกทั้ง 7 คนยังโพสต์ภาพเซลฟี่หมู่ทั้ง 7 คนเดียว ที่กำลังยิ้มสดใส พร้อมใส่แฮชแท็ก #GOT7FOREVER เหมือนกัน  นอกจากนี้ แฮชแทค  #GOT7FOREVER   ในทวิตตอร์ ยังทะยานขึ้นอันดับ 1 เทรนด์โลกอีกด้วย
 

 
ซึ่งต่อมา ทาง  JYP ได้ออกประกาศที่ชัดเจน โดยระบุว่า “ทาง  JYP ได้ปรึกษาหารืออย่างถี่ถ้วนร่วมกับเหล่าสมาชิก เกี่ยวกับเรื่องการสิ้นสุดอายุสัญญาของศิลปิน GOT7 ในวันที่ 19 มกราคมที่จะถึงนี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ข้อสรุปว่า JYP และเหล่าเมมเบอร์ ทั้งสองฝ่าย ต่างปรารถนาดีต่อกันถึงก้าวใหม่ในอนาคตที่ดีขึ้น และได้เห็นพ้องต้องกันว่า จะไม่ต่ออายุสัญญาออกไป หลัง GOT7 เดบิวต์เมื่อวันที่ 16 มกราคม ปี 2014 พวกเขาได้ทำกิจกรรมโปรโมตในฐานะวงไอดอลระดับโลกที่เป็นตัวแทนของ K-POP ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ขอขอบคุณ GOT7 จากใจจริง ที่อยู่ร่วมเติบโตไปพร้อมกับ K-POP และ JYP รวมถึงขอขอบคุณ ‘I GOT7’ ผู้ช่วยเป็นพลังขับเคลื่อนให้กับการทำกิจกรรมโปรโมตของ GOT7 มาตั้งแต่พวกเขาเดบิวต์ ด้วยแรงสนับสนุนและกำลังใจทั้งหมดที่มี แม้ว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบที่เป็นทางการจะสิ้นสุดลง แต่ JYP ขอเป็นกำลังใจให้กับอนาคตใหม่ที่ดีในวันข้างหน้าของเหล่าเมมเบอร์ GOT7 จากใจจริง”
 

 
ต้องบอกว่าไม่ใช่เพียงเพราะผลงานชั้นดีของพวกเขาเท่านั้น ที่ทำให้แฟน ๆ ชื่นชอบ “GOT7”  แต่ตัวตนของพวกเขา ทั้งความน่ารัก ขี้เล่น เป็นกันเอง  และใส่ใจแฟนคลับอยู่เสมอ  รวมไปถึงทีมเวิร์ค และมิตรภาพของทั้ง 7 หนุ่ม ก็ล้วนทำให้ “อากาเซ่” ตกหลุมรัก  โดย เจบี เคยให้สัมภาษณ์กับ “เดลินิวส์”  ถึงสิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันว่า  “พวกเราเกิดคนละประเทศและมาจากต่างสถานที่กัน ดังนั้นเราก็มีเรื่องเข้าใจกันผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่พวกเรานั้นได้โอบกอดกันด้วยความรัก จนทำให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันครับ”  ซึ่งตลอด 7 ปีที่ “GOT7” อยู่ภายใต้หลังคาของ JYP นั้นไม่อะไรที่ต้องผิดหวังในตัวทั้ง 7 หนุ่มเลย  เพราะพวกเขาทุ่มสุดตัวในทุกอัลบั้ม ได้โชว์เสน่ห์ดนตรีหลากหลายแนว และภาพลักษณ์  ใส่ใจในทุกผลงาน รวมถึงไปได้สวยในชาร์ตเพลง  ทั้งยังเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตมาเกือบทั่วโลก  ซึ่ง บิลบอร์ด ได้เคยเผยชาร์ตการจัดอันดับ 10 ทัวร์คอนเสิร์ตร้อนแรงที่สุดในอเมริกาประจำปี 2018  ซึ่งวัดจากยอดขายบัตรทั้งหมดในอเมริกา โดย  “GOT7”    เป็นศิลปินจากทวีปเอเชียเพียงหนึ่งเดียวอยู่ใน 10 อันดับดังกล่าว กับเวิล์ดทัวร์ “ Eyes on You”  โดยอยู่ในอันดับ 9 ซึ่งโชว์นี้ถูกจัดขึ้นในลอสแอนเจลิส พร้อมทำรายได้รวม 1.3 ล้านดอลลาร์ ด้วยยอดผู้เข้าชมถึง 9,600 ที่นั่งทีเดียว
 

สำหรับเมืองไทยแล้ว ต้องบอกว่า “GOT7” มีฐานแฟนคลับที่มีเยอะมาก  จนที่นี่ดูเหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 ของพวกเขา  ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ มาทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เมืองไทย ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะมาในฐานะที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในเมืองไทย หรือจะเป็นงานอีเว้นท์ แฟนมีตติ้ง คอนเสิร์ต ก็ล้วนมีแฟนคลับไปต้อนรับอย่างถล่มทลาย  ซึ่ง “GOT7”   เดินทางมาเปิดการแสดงที่ประเทศไทยครั้งแรก ในงาน “Tofu Music Festival 2014”  ที่แฟน ๆ แห่ไปต้อนรับแน่นสนามบิน  ก่อนสร้างปรากฏการณ์ห้างแตก กับงาน  “GOT7 : Press Conference & Fan Event”  รวมไปถึงแฟนมีตติ้งครั้งแรก  “GOT7 1st Fan Party in Bangkok”  ตามด้วยคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในเมืองไทย  “GOT7 1st CONCERT “FLY IN BANGKOK”  ที่จัดเต็ม 2 รอบการแสดง  ซึ่งการมาครั้งนี้ของหนุ่ม ๆ ยังได้มีการจัดกิจกรรมที่ เปิดโอกาสให้แฟน ๆ ได้ร่วมเป็นหนึ่งในการบันทึกสถิติโลกครั้งแรกของ “GOT7” ใน “Guinness World Records” กับการร่วมพับเครื่องบินกระดาษพร้อมกันมากที่สุดในโลก  โดยกระดาษที่นำมาใช้ในครั้งนี้ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล และหลังจากบันทึกประวัติศาสตร์กันเรียบร้อยแล้ว  เครื่องบินกระดาษในงานนี้ได้นำไปรีไซเคิลเป็นสมุดเพื่อนำไปบริจาคด้วย  ต่อด้วย  “GOT7 THAILAND TOUR 2017″NESTIVAL”  ทัวร์คอนเสิร์ตของหนุ่ม ๆ ที่ตะลอนไปจัดทั้ง 4 ภาคของเมืองไทย  เริ่มต้นทัวร์กันที่ นครราชสีมา เชียงใหม่ กรุงเทพฯ และภูเก็ต  นับว่าเป็นศิลปินเคป็อปกลุ่มแรกที่จัดทัวร์คอนเสิร์ตทั่วไทยแบบนี้  ตามติดด้วยเวิลด์ทัวร์  “GOT7 2018 WORLD TOUR ‘EYES ON YOU’ IN BANGKOK”   ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี 3 รอบการแสดง รวมถึง “GOT7 FAN FEST 2019 ‘SEVEN SECRETS’ IN BANGKOK”  ณ ยูเนี่ยน ฮอลล์ 2, ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ ที่จัดไป  4 รอบการแสดง เป็นต้น 
 

โดยหนุ่ม  ๆ เคยเผยสิ่งที่ประทับใจที่สุดในเมืองไทย  ผ่านบทสัมภาษณ์ “เดลินิวส์”  โดย จินยอง บอกว่า “ผมประทับใจที่แฟน ๆ มาต้อนรับพวกเราที่สนามบินกันเยอะมากเลยครับ”  ส่วน  เจบี บอกต่อ  “สิ่งที่ผมประทับใจที่สุด คือแสงสีเขียวจากแท่งไฟในมืออากาเซชาวไทย เวลาเรามาที่นี่ ทุกครั้งที่เรามองลงมาจากเวทีแล้วเห็นแสงไฟนั้นมันสวยงามมาก เหมือนแสงออโรร่าเลยครับ ” ด้าน  แบมแบม  เผย “ไม่ว่าจะมาเมืองไทยบ่อยแค่ไหน ก็เหมือนกันหมดทุกครั้ง นั่นคือผมรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงของอากาเซชาวไทย ที่คอยซัพพอร์ตผมอยู่ตลอดเวลา ผมรู้สึกดีมากเลยครับ ”  ส่วน ยูคยอม บอก “ผมชอบรอยยิ้มของคนไทยครับ เพราะว่าคนไทยยิ้มตลอดเวลา”  เช่นเดียวกับ แจ็คสัน บอก  “ผมก็ชอบรอยยิ้มของคนไทยเหมือนกัน รวมไปถึงเสียงกรี๊ดของอากาเซชาวไทยด้วยครับ (ยิ้ม)”  ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้ “อากาเซ่” ชาวไทย รู้สึกเสียดายที่สุด  ก็คือการแสดงคอนเสิร์ตครั้งสำคัญในไทย ณ ราชมังคลากีฬาสถาน กับ “WORLD TOUR ‘KEEP SPINNING’ IN BANGKOK”  ที่ต้องถูกเลื่อน ไม่มีกำหนด เพราะพิษโควิด-19 แต่ทุกคนไม่ต้องเสียใจไป เพราะตราบที่พวกเขายังคงมุ่งมั่นทำผลงานเพลง  และแฟน ๆ ยังสนับสนุน ก็เชื่อว่าคงได้เห็นทั้ง 7 หนุ่ม ได้โชว์โดดเด่น บนเวทีสุดยิ่งใหญ่ของไทยแห่งนี้ได้ในสักวัน
 

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไม่จุดสิ้นสุด สำหรับ “GOT7” แต่เป็นการเริ่มต้นอีกหนึ่งบทใหม่ รวมถึงหนุ่ม ๆ ยังสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ และเป็นตัวตนของพวกเขาจริง ๆ แล้ว “อากาเซ่” ล่ะ!  พร้อมหรือยังที่จะจับมือและกางปีกโบยบินไปกับทั้ง 7 หนุ่ม ออกไปผจญภัยจนสุดปลายขอบฟ้า  และเคียงข้างกันเหมือนที่เคยเป็นมา ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมกลุ่มหรือเดี่ยว เพราะแม้ตัวจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ความรัก และสายใยผูกพันธ์จะเชื่อมถึงกันเสมอ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็เชื่อว่าทะเลสีเขียวจากแท่งไฟในมือ และเสียงเชียร์ที่ทรงพลังของเหล่า “อากาเซ่” จะโอบล้อมเวทีการแสดงพวกเขาในฐานะ “GOT7” และร่วมกันสร้างตำนานบทใหม่ ๆ ด้วยกันอีกครั้งแน่นอน

เพราะเราทุกคนนั้นต่างรู้ดีว่า ….

“#GOT7FOREVER”
 

 
…ฮานึล…

PHOTO TWITTER : @GOT7Official , JYP Entertainment , SBS , Naver Dispatch