สวัสดีวันหยุดกับสารพันเรื่องราวยานยนต์กับ อ้วนซ่า แอบซิ่ง อีกเช่นเคย แม้ว่าสถานการณ์ของโลกรถยนต์โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าดูจะมีอาการชะงักงันไปบ้าง จากการที่ทางจีนแผ่นดินใหญ่สั่งสอนทางจีนไต้หวัน หลังจากที่ยอมให้ประธานสภาของทางสหรัฐเข้าประเทศ ด้วยการตัดการส่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไมโครชิพซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสารพัดรุ่นทั่วโลกในทันที

แต่ถึงอย่างไร โลกของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ก็ยังคงเดินหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลกในด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าบ้านเราเองก็เป็นหนึ่งในหมุดหมายต่อไปของรถไฟฟ้าจากจีนแผ่นดินใหญ่นั่นเอง โดยแบรนด์ต่อไปที่ตามเอ็มจีและ ฮาวาล มานั้นถือเป็นยักษ์ใหญ่ของจีน และได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อต้นเดือนนี้ก็คือ บีวายดี นั่นเอง

บีวายดีนี้มาจากคำว่า Build Your Dreams หรือ “สร้างฝันให้เป็นจริง” โดยในปัจจุบันนี้บีวายดีเป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และผลิตรถยนต์ แบบ NEV ที่หมายความถึง “New Energy Vehicle” หรือรถที่ใช้พลังงานใหม่นั่นก็คือ รถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ทั้งแบบไฮบริด และไฟฟ้า และในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้านั้นพวกเขาได้ทำการตลาดไปแล้วกว่า 70 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก และถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง ของผู้ผลิตรถไฟฟ้าในประเทศจีน ด้วยยอดขายรวมมากกว่า 2.15 ล้านคัน!

จุดแข็งของแบรนด์บีวายดีที่เหนือกว่าแบรนด์รถไฟฟ้าอื่น ๆ ในโลกก็คือพวกเขามีภูมิหลังและความแข็งแกร่งมาจากจุดเริ่มต้นที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ให้กับธุรกิจโทรคมนาคมนั่นเอง โดยพวกเขาได้เริ่มต้นผลิตแบตเตอรี่มาตั้งแต่ปี 1995 และตามมาด้วยการเข้าไปสู่ธุรกิจสารกึ่งตัวนำหรือเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และตามมาด้วยการผลิตรถยนต์ซึ่งในยุคแรกก็จะเป็นรถบัสและรถฟอร์คลิฟต์ในโรงงานอุตสาหกรรม

จุดเปลี่ยนของพวกเขาเกิดขึ้นในปี 2008 ที่ได้ผลิตรถแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นแรกออกมา และในปีเดียวกันนั้น เจ้าพ่อนักลงทุนอย่างคุณปู่ วอร์เร็น บัฟเฟต ก็ได้ซื้อหุ้นของบีวายดีเป็นจำนวนมากถึง 225 ล้านหุ้น! หรือ 20% ของหุ้นทั้งหมด เป็นการการันตีได้ว่าคุณปู่เห็นถึงอนาคตที่สดใสของค่ายรถนี้อย่างแน่นอนว่ากันว่า จนถึงปัจจุบันหุ้นของบีวายดีที่ปู่ถือไว้ทำกำไรเฉลี่ยให้ปู่ถึงปีละ 11% เลยทีเดียว(แน่นอนว่าตอนนี้หลังจากวิกฤติโควิดป่วนอุตสาหกรรมการผลิตของจีน ปู่แกก็ทยอยขายละนะ)

การเข้ามาอย่างเป็นทางการของบีวายดีหลังจากที่มีความพยายามนำเอารถสไตล์ MPV รุ่น E6 ทั้ง 2 เจเนอเรชั่นมาทดลองวิ่งในแบบแท็กซี่มาหลายปี โดยผู้นำเข้าหลายราย แต่สุดท้ายก็ตกไปอยู่กับกลุ่ม “พรประภา” นามสกุลดั้งเดิมในธุรกิจยานยนต์ไทย โดยเปิดบริษัทใหม่ในชื่อ เรเวอร์ ออโตโมทีฟ (Rêver Automotive) ที่จะเป็นผู้ดูแลการจัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายสำหรับกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยตั้งเป้าว่าด้วยทุน 3,000 ล้านบาทภายในเฟสแรก 5 ปีนี้จะดันยอดขาย 10,000 คัน

โดยรถ 2 รุ่นแรกที่จะเข้ามาทำตลาดในช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้าก็คือรถรุ่นแอทโต 3 (Atto 3) และ ดอลฟิน (Dolphine) โดยรถทั้ง 2 รุ่นเป็นรถที่ใช้เทคโนโลยี แบตเตอรี่ทรงใบมีดหรือเบลดแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของบีวายดีที่มีจุดเด่นที่มีความร้อนต่ำและปลอดภัยจากปัญหาติดไฟ จากการเกิดอุบัติเหตุ

รถทั้งสองรุ่นยังไม่ได้ประกาศราคาออกมาแต่ทางผู้นำเข้าแย้มออกมาว่าพวกเขาไม่ประสงค์ที่จะทำสงครามราคา ด้วยการทำราคาขายต่ำกว่าคู่แข่งเพราะบีวายดีเป็นรถ ยนต์ที่มีคุณภาพสูง โดยรุ่น Atto 3 ที่ตั้งเป้าว่าจะเปิดปลายปี 2565 นั้นเป็นรถสไตล์คอมแพ็คเอสยูวี ที่แม้ภายนอกดูค่อนข้างร่วมสมัย แต่ภายในห้องโดยสารถึงกับต้องอุทานว่า “ว้าว” เพราะออกแบบได้เกินจินตนาการมากดูน่าตื่นตาตื่นใจด้วยเส้นสายที่ล้ำยุค โดยจุดเด่นของรถแทบทุกรุ่นคือจอภาพขนาดใหญ่ที่ หมุนได้ 2 รูปแบบคือทางตั้งและทางนอน แล้วแต่ความต้องการของผู้ใช้งาน

ส่วนรุ่นเล็กอย่างดอลฟินที่เป็นรถสไตล์เดียวกับฮอนด้า แจ๊ซนั้นจะมีการออก แบบภายนอกที่สนุกสนานด้วยเส้นสายที่ท้าทาย ส่วนห้องโดยสารก็มาในอารมณ์คล้ายกับของรุ่นพี่ Atto 3 นั่นเอง รถรุ่นนี้ตั้งเป้าว่าจะเปิดตัวต้นปี 2566 ผู้ที่ต้องการจะหารถไฟฟ้ามาใช้งานสักรุ่น อ้วนซ่าแนะนำว่ารอสัมผัส บีวายดีเสียก่อน ค่อยตัดสินใจยังทันนะขอรับ!.