เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง จุดแข็ง จุดอ่อน คนจะเป็นนายกรัฐมนตรี กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงทดลอง(Experimental Survey) เพื่อลดความคลาดเคลื่อนแก้ปัญหาแหล่งความคลาดเคลื่อนจากผู้ถาม ผู้ตอบและเครื่องมือวัดและใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เกาะติดข้อมูลแวดล้อมในโลกโซเชียลลดปัญหาผลกระทบความน่าเชื่อถือของข้อมูล จำนวน 2,025 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 9-13 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ผลสำรวจพบว่า

ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 47.7 เป็นชายและร้อยละ 52.3 เป็นหญิงสอดคล้องกับสัดส่วนของประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวนทั้งสิ้น 52,173,604 คน อ้างอิงฐานข้อมูลประชากรกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ในตัวอย่างนี้มีร้อยละ 13.4 อายุไม่เกิน 24 ปี ร้อยละ 37.2 อายุ 25-39 ปี ร้อยละ 35.9 อายุ 40-59 ปี และร้อยละ 13.5 อายุ 60 ปีขึ้นไป และเมื่อจำแนกเป็นอาชีพพบว่า ร้อยละ 6.1 เป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 19.2 เป็นพนักงานเอกชน ร้อยละ 19.9 ค้าขายอิสระ ร้อยละ 21.6 เป็นเกษตรกร ร้อยละ 18.9 รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 8.1 เป็นนักศึกษา ร้อยละ 4.5 เป็นพ่อบ้านแม่บ้านเกษียณอายุ และร้อยละ 1.7 อื่น ๆ และว่างงาน โดยจำนวนมากหรือร้อยละ 30.8 มีสิทธิเลือกตั้งในภาคอีสาน รองลงมาคือร้อยละ 27.8 ภาคกลาง ร้อยละ 15.8 ภาคเหนือ ร้อยละ 17.6 ภาคใต้และร้อยละ 8.0 กรุงเทพมหานคร

ที่น่าพิจารณาคือ 3 อันดับจุดแข็ง จุดอ่อน คนจะเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีจุดแข็ง ดังนี้ จงรักภักดี (45.1%) อดทนแบกภาระวิกฤติประเทศ (34.8%) มีผลงานเปิดประเทศ ฟื้นสัมพันธ์ไทยซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น (34.0%) ในขณะที่จุดอ่อน มีดังนี้ ไม่คุมอารมณ์ โมโหง่าย (55.0%) อยู่นานมา 8 ปี (51.5%) และไม่เก่งเรื่องแก้ปัญหาปากท้อง (48.4%)

เมื่อเทียบกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทย มีจุดแข็ง ดังนี้ จงรักภักดี (20.1%) คนรุ่นใหม่ (43.7%) บุตรสาวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร (46.3%) ในขณะที่จุดอ่อน มีดังนี้ ขาดประสบการณ์การเมือง (42.8%) ยังไม่มีผลงาน (40.0%) และน่าห่วงเรื่องการตัดสินใจในภาวะกดดันทางการเมือง (32.0%)

ที่น่าสนใจคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ มีจุดแข็งดังนี้ จงรักภักดี (29.3%) มีเครือข่ายกว้างขวางทุกวงการจัดการอิทธิพลได้ (39.2%) มีผลงานแก้ค้ามนุษย์ แจกที่ทำกิน จัดการน้ำ แก้ภัยแล้ง เป็นต้น (30.9%) ในขณะที่จุดอ่อน คือ อายุมาก (62.7%) ไม่มีเวลาลงพื้นที่ (36.0%) และการสื่อสารประชาสัมพันธ์ (34.9%)

เมื่อเทียบกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่พบจุดแข็งดังนี้ จงรักภักดี (16.1%) คนรุ่นใหม่ (41.4%) พูดจาเก่ง (36.1%) ในขณะที่จุดอ่อน คือ ยังไม่มีผลงาน (35.9%) ขาดบารมีทางการเมือง (36.4%) และยังมีช่องว่างเข้าไม่ถึงชาวบ้าน (35.8%)

เมื่อพิจารณาจุดแข็งของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พบจุดแข็ง ดังนี้ จงรักภักดี (41.3%) แก้วิกฤติโควิดต่างชาติยกย่อง ดูแลผู้ป่วยดีขึ้น (45.9%) และมีความสามารถทำธุรกิจสำเร็จมั่นคง (40.7%) ในขณะที่จุดอ่อนคือ ยังขาดคนช่วยงานที่เข้าถึงพื้นที่ (49.8%) ไม่โปรโมตตัวเอง (37.2%) และพูดไม่เก่ง (30.8%)

เมื่อถามถึงจุดแข็งของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พบว่า จงรักภักดี (34.7%) มีประสบการณ์การเมือง (43.9) และนายชวน หลีกภัย สนับสนุน (41.4%) ในขณะที่จุดอ่อนมีดังนี้ แก้ขัดแย้งในพรรคไม่ได้ คนเก่งลาออก (56.8%) ไม่โดดเด่น (35.4%) และไม่เห็นผลงาน (30.9%)

ที่น่าพิจารณาคือ เปรียบเทียบผลสำรวจครั้งที่ 1 กับ ครั้งที่ 2 เรื่องพรรคการเมืองที่ประชาชนตั้งใจจะเลือกถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบการเปลี่ยนแปลง 5 อันดับแรกของพรรคการเมืองในใจประชาชนคือ อันดับแรก พรรคเพื่อไทย ครั้งแรกได้ร้อยละ 26.9 แต่ครั้งที่สองลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 25.1 อันดับที่สอง พรรคภูมิใจไทย เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 14.2 ในครั้งแรก มาอยู่ที่ร้อยละ 20.0 ในครั้งที่สอง อันดับสาม ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ ได้ร้อยละ 22.3 ในครั้งแรก แต่ตกลงมาอยู่ที่ร้อยละ 15.0 ในครั้งที่สอง อันดับสี่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร้อยละ 6.8 ในครั้งแรกมาอยู่ที่ร้อยละ 10.8 ในครั้งที่สอง และอันดับห้า พรรคก้าวไกล ได้ร้อยละ 6.9 ในครั้งแรก และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8.8 ในครั้งที่สอง

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า จุดแข็งจุดอ่อน คนจะเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่อาจจะทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง หรือเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่นได้ ขึ้นอยู่กับว่าคนจะเป็นนายกรัฐมนตรีมีจุดแข็งชนะใจประชาชน หรือมีจุดอ่อนที่ประชาชนจะยี้ไม่เลือกเพราะเบื่อหน่ายกับสภาพความเป็นมาและเป็นไปของนักการเมืองอย่างเหลืออดเหลือทน ที่น่าจะทำให้บรรดานักการเมืองทั้งหลายนำไปพิจารณาตนเอง อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังและเสื่อมศรัทธาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้อีกเลย