จากกรณีที่ นางพรพักตร์ ภูริหิรัญพัชร์ แม่ของ “น้องกัปตัน” อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ชุดโอลิมปิกเกมส์ 2020 ออกมาเรียกร้องกระสุนในการฝึกซ้อมและแข่งขัน ที่ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย และต้องขายบ้านขายรถเป็นค่าใช้จ่ายเงินทั้งหมดกว่า 10 ล้านบาท นั้น
“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ส่วนตัวและทีมงานได้พูดคุยกับแม่ของน้องกัปตันแล้ว ซึ่งจะมีประเด็นที่คลาดเคลื่อนกัน สื่อสารไม่ตรงกันระหว่างแม่ของน้องกัปตัน และสมาคมฯ ซึ่งสมาคมฯ ได้ตั้งกติกาให้นักกีฬามาซ้อมรวมตัวสถานที่เดียวกัน ส่วน “กัปตัน” ซ้อมอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งตอนแรกที่มีปัญหากันอาจไม่ได้รับกระสุนไปซ้อม แต่ภายหลังทาง กกท. ได้มอบกระสุนกับสมาคมไปแล้ว แต่อาจล่าช้า ซึ่งอยู่ที่การบริหารจัดการของสมาคมฯ หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้รับเรื่องประเด็นร้องเรียนเข้ามา
“หลังจากลับไปผมก็จะไปตรวจสอบดูว่าระหว่างแม่ของน้องกัปตัน กับสมาคมฯ ยังมีประเด็นอะไรที่มีความไม่ชัดเจนกันหรือไม่ เพราะเราตั้งใจที่จะเตรียมน้องกัปตัน ที่มีอายุน้อยให้ทำผลงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ส่วนเรื่องกระสุนที่ค้างอยู่ 40,000 นัด เราก็คงต้องไปดู ซึ่งเท่าที่ผมได้สอบถามไปที่นายกสมาคมกีฬายิงปืนฯ บอกว่าเป็นกรณีที่ไม่ยอมทำตามกติกา” บิ๊กก้อง กล่าว
ดร.ก้องศักด กล่าวอีกว่า ยกตัวอย่างถ้าสมาคมฯ ให้ซ้อมที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ยอมมาเก็บตัวซ้อมด้วยก็จะมีกติกา ซึ่งก็มีกฎระเบียบในเรื่องนักกีฬาที่ต้องมาเก็บตัวในแคมป์ถึงจะจ่ายกระสุน ถ้าไม่มาเก็บตัวก็จะไม่สามารถจ่ายกระสุนออกไปได้ แต่ถ้าประเด็นการบริหารจัดการมีปัญหา ทาง กกท. ก็จะเข้าไปแก้ไขปัญหาด้วย เข้าไปร่วมหารือกัน
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงชุดแข่งขันของนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์ 2020 เนื่องจากได้เห็นหลายประเทศมีการแบ่งเรื่องของสิทธิประโยชน์ ชุดแข่งขันแยกชนิดกีฬา เพื่อความเหมาะสมของแต่ละชนิดกีฬาตามความถนัดของผู้ผลิตเสื้อผ้า ดร.ก้องศักด กล่าวว่า เรื่องสิทธิประโยชน์ชุดแข่งขันของนักกีฬาในมหกรรมกีฬานั้น เราก็ได้เห็นนักกีฬาชาติอื่นเขาใส่ชุดกีฬาแตกต่างแบรนด์กันในแต่ละชนิดกีฬา ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีความเหมาะสมตามแต่ละชนิดกีฬาแตกต่างกันออกไป เรื่องนี้ กกท. จะมีการเสนอแนะแนวทางของชุดแข่งขันของนักกีฬาไทย ให้มีความเหมาะสมกับกับแต่ละชนิดกีฬาไปให้กับคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ต่อไป.